
แอธเลติก บิลเบา เตรียมไล่ล่าฝันเข้าชิงยูโรปาลีกที่สนามเหย้าของตัวเอง โดยมี “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขวางทางในรอบรองชนะเลิศ
ทั้งสองทีมจะดวลกันที่สนามซาน มาเมส ในค่ำคืนวันพฤหัสบดี โดยมีเป้าหมายคว้าความได้เปรียบก่อนลงเล่นเลกที่สองสัปดาห์หน้า
หลังพลิกสถานการณ์สุดเหลือเชื่อเอาชนะลียงในรอบก่อนรองฯ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะเชื่อว่าชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้บนถ้วยยูโรปาลีกฤดูกาลนี้
ในเลกแรกที่ฝรั่งเศสจบด้วยผลเสมอ 2-2 ก่อนที่ทีมของรูเบน อโมริมจะขึ้นนำ 4-2 ในบ้าน แต่กลับถูกลียงยิงคืน 4 ลูกรวด ทั้งที่เหลือผู้เล่น 10 คน ทว่าในช่วงหกนาทีสุดท้าย ยูไนเต็ดกลับมารัวคืนสามประตูจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ค็อบบี้ เมนู และแฮร์รี แม็กไกวร์ พลิกชนะไปด้วยสกอร์รวม 7-6
ก่อนหน้านี้ ยูไนเต็ดผ่านรอบแบ่งกลุ่มแบบไร้ปัญหา ยิงเฉลี่ยสองประตูต่อเกม จบอันดับสามของกลุ่ม และเอาชนะเรอัล โซเซียดาดแบบสบายในรอบ 16 ทีม
แม้ฟอร์มในลีกจะย่ำแย่ แต่อโมริมยังไม่แพ้ใครในการคุมทีมในเวทียุโรป 8 นัด และยูไนเต็ดก็ยังเป็นทีมเดียวที่ไร้พ่ายในรายการนี้ ยิงไปแล้วถึง 28 ประตู มีสถิติยิงประตูและสัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งมากที่สุด
ชัยชนะในยูโรปาลีกจึงอาจเป็นทางลัดสู่แชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้า เพราะผลงานในพรีเมียร์ลีกนั้นไม่การันตีอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม สถิติที่พบกับบิลเบาไม่เป็นใจเท่าไรนัก ยูไนเต็ดแพ้ถึง 3 จาก 4 นัดที่พบกัน โดยชัยชนะครั้งเดียวเกิดขึ้นเมื่อปี 1957
ครั้งสุดท้ายที่สองทีมพบกันในยูโรปาลีก 2011-12 บิลเบาของมาร์เซโล บิเอลซาเอาชนะได้ทั้งสองนัด และทะลุไปถึงรอบชิงฯ ในปีนั้น
บิลเบาเข้ารอบรองฯ เป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้ในปี 1977 และ 2012 พวกเขาทำได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น
ทีมของเอร์เนสโต บัลเบร์เด หวังสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังเพิ่งคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ เมื่อปีที่แล้ว และยิ่งมีแรงจูงใจเมื่อรอบชิงฯ ปีนี้จะเตะที่ซาน มาเมส
บิลเบาจบอันดับกลุ่มเหนือยูไนเต็ดหนึ่งแต้ม และเอาชนะทั้งโรมาและเรนเจอร์สในรอบน็อคเอาท์ โดยเฉพาะการชนะเกมเหย้าทั้ง 6 นัด ยิงไป 14 เสียเพียง 2
ในลาลีกา พวกเขากำลังลุ้นจบท็อปโฟร์ และเพิ่งได้พักมาเต็มที่หลังจากบาร์ซ่าและมาดริดเล่นนัดชิงโกปาเดลเรย์เมื่อสุดสัปดาห์
ระหว่างเกมนี้กับนัดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด พวกเขายังมีศึกดาร์บี้กับเรอัล โซเซียดาดรออยู่ จึงอาจเป็นสัปดาห์ชี้ชะตาของทั้งฤดูกาล
นิโก้ วิลเลียมส์มีส่วนกับประตูในเกมเหย้าทั้ง 6 นัดในยูโรปาลีกฤดูกาลนี้ (5 ประตู 2 แอสซิสต์) และน่าจะได้ลงพร้อมพี่ชาย อินญากี้ วิลเลียมส์ ที่ยิงประตูชัยในเกมกับลาส พัลมาส
กองกลางคนสำคัญอย่าง โอยาน ซานเซ็ต (18 ประตูในซีซั่นนี้) เจ็บต้นขาและหมดสิทธิ์ลงเล่น เช่นเดียวกับ มารวน ซันนาดี้ และออสการ์ เด มาร์กอส วัย 36 ปี ที่อาจไม่ได้เป็นตัวจริง แม้เคยยิงใส่ยูไนเต็ดทั้งสองนัดเมื่อปี 2012
ได้ อาหมัด ดิยัลโล และมัทไธส์ เดอ ลิกต์ กลับมาในสัปดาห์นี้ แต่ไม่น่าจะได้ลงตัวจริง ขณะที่ โทบี้ คอลลิเยอร์ และ ไอเดน เฮฟเวน ยังเจ็บ
ดิโอโก้ ดาโลต์ (น่อง) และโจชัว เซิร์กซี (แฮมสตริง) บาดเจ็บและอาจปิดฤดูกาลไปแล้ว เช่นเดียวกับลิซานโดร มาร์ติเนซที่ยังไม่พร้อม
ในแนวรุก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังคงเป็นตัวหลัก เขามีส่วนร่วมกับประตูถึง 29 ครั้งจาก 31 เกมน็อคเอาท์ในยูโรปาลีก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด