svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

“จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่” กุนซือผู้พลิกโฉม อตาลันต้า

23 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

ล้มทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล, สปอร์ติ้ง ลิสบอน และมาร์กเซย...โค่นทีมที่ไม่เคยแพ้ใครอย่าง เลเวอร์คูเซ่น จนคว้าแชมป์ ยูโรปาลีก มาครอง "จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่" คือใคร และทำอย่างไรถึงพลิกโฉมทีมเล็กๆอย่าง อตาลันต้า ไปได้ขนาดนี้?

ฟุตบอลถ้วยเล็กของยุโรป "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" ฤดูกาล 2023/24 จบลงเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็น "อตาลันต้า" จากอิตาลี ที่ผงาดคว้าแชมป์ไปครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมนี ไปแบบขาดลอย 3-0 จากการทำแฮตทริกของ อเดโมล่า ลุคแมน

ที่สำคัญยังเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครของ "ห้างขายยา" ไว้ที่ 51 นัดอีกด้วย

นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายพอสมควร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพจำของแฟนบอลในยามที่นึกถึง อตาลันต้า เป็นเพียงทีมระดับกลางถึงล่างของศึกกัลโช่ เซเรีย อา ที่วนเวียนขึ้นชั้น-ตกชั้น เป็นว่าเล่น แต่ก็พัฒนาทีมขึ้นมาอย่างน่าสนใจในช่วง 3-4 ปีหลัง

ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ต้องยกเครดิตให้กับ "จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่" กุนซือขรัวเฒ่าวัย 66 ปี ที่สามารถพาทีมมาไกลได้ถึงขนาดนี้

กาสเปรินี่ สมัยเล่นให้ ยูเวนตุส แต่แจ้งเกิดไม่สำเร็จ

  • นักเตะลีกรอง

จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักเตะด้วยการเป็นเด็กฝึกหัดของ ยูเวนตุส ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และก็อยู่ในทีมชุดเดียวกับยอดแข้งระดับตำนานอย่าง เปาโล รอสซี่ ในชุดเยาวชนด้วย

อย่างไรก็ตาม กาสเปรินี่ แจ้งเกิดกับ "ม้าลาย" ไม่สำเร็จ จนต้องย้ายไปอยู่กับ เรจจิน่า แบบยืมตัว และสุดท้าย ยูเว่ ก็ปล่อยออกจากทีมไปอยู่กับ ปาแลร์โม่ เป็นการถาวรในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น กาสเปรินี่ ก็วนเวียนค้าแข้งในทีมลีกรองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น คาเวเซ่, ปิสโตเยเซ่, เปสคาร่า, ซาแลร์นิตาน่า และ วิส เปซาโร่ ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 1993 ด้วยวัย 35 ปี ลงเล่นตลอดอาชีพไป 475 นัด ยิงได้ 45 ประตู

กาสเปรินี่ สมัยคุมทัพ เจนัว

  • เบนเข็มสู่งานโค้ช

หลังแขวนสตั๊ดได้ราว 1 ปี จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ได้รับโอกาสให้ไปเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์โค้ชให้ทีมเยาวชนของ ยูเวนตุส ที่เขาเคยเล่นสมัยเด็ก และก็ค่อยๆไต่เต้าจากการทำทีมชุด U14 สู่ U17 และ U20 ในเวลาต่อมา กระทั่งในปี 2003 กาสเปรินี่ ก็ถูก โครโตเน่ ทีมในระดับ เซเรีย ซี ดึงไปคุมทีมชุดใหญ่ และก็สามารถพาทีมเลื่อนชั้นสู่เซเรีย บี ได้สำเร็จ

ผลงานการเป็นกุนซือของ กาสเปรินี่ เริ่มฉายแววโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกดึงตัวไปคุมทีม เจนัว ใน เซเรีย บี และก็พาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ และในฤดูกาล 2008-09 เจ้าตัวก็พา เจนัว ที่มีดาราชูโรงอย่าง ดีเอโก้ มิลิโต้ และ ติอาโก้ ม็อตต้า สร้างเซอร์ไพรส์จบที่อันดับ 5 ของ เซเรีย อา ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมในรอบเกือบ 2 ทศวรรษทีเดียว 

กาสเปรินี่ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับการคุมทัพ อินเตอร์ มิลาน

  • ฝันร้ายที่มิลาน

จากผลงานในการทำทีม เจนัว ทำให้ยักษ์ใหญ่ของลีกอย่าง อินเตอร์ มิลาน ดึงตัวไปเป็นกุนซือคนใหม่ในฤดูกาล 2011-12 

อย่างไรก็ตามในช่วงนั้น ขุมกำลังของ "งูใหญ่" กำลังอยู่ในช่วงผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ ดาวดังอย่าง ซามูเอล เอโต้ และ มาร์โก มาร์เตรัซซี่ ถูกปล่อยออกจากทีม ขณะที่อีกหลายคนอยู่ในช่วงโรยราและอยู่ในช่วงปลายอาชีพ ทำให้ อินเตอร์ ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ เริ่มจากแพ้ เอซี มิลาน ชวดแชมป์ซูเปอร์โคปปา จากนั้นเมื่อฤดูกาลเริ่มต้นก็ชนะแค่เกมเดียวจาก 5 นัดแรก รวมถึงการพ่ายต่อ แทร็ปซอนสปอร์ ในแชมเปี้ยนส์ลีก และแพ้ทีมน้องใหม่อย่าง โนวาร่า ในเซเรีย อา ส่งผลให้ มัสซิโม่ โมรัตติ ประธานสโมสร สั่งปลด กาสเปรินี่ ออกจากตำแหน่งทันที

หลังโดนไล่ออกจาก อินเตอร์ ดูเหมือน กาสเปรินี่ จะเสียศูนย์ไปพอสมควร แม้จะได้รับโอกาสให้กลับมาเป็นกุนซืออีกครั้ง จาก ปาแลร์โม่ และอดีตต้นสังกัดอย่าง เจนัว แต่ผลงานก็ไม่ได้โดดเด่น

จนกระทั่งมีทีมดังจากแคว้น แบร์กาโม่ ที่ตัดสินใจให้โอกาสเขาอีกครั้ง

“จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่” กุนซือผู้พลิกโฉม อตาลันต้า

  • กู้ชื่อที่ อตาลันต้า

เดือน มิ.ย. 2016 อตาลันต้า ประกาศแต่งตั้ง จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม เนื่องจากสโมสรต้องการโค้ชที่นิยม "สร้าง" มากกว่า "ซื้อ" นั่นคือการปั้นเด็กจากชุดเยาวชนที่สโมสรวางรากฐานไว้มานาน ให้ไปเติบโตในทีมชุดใหญ่ ประกอบกับความชื่นชอบในการทำทีมเน้นเกมบุกแบบเต็มที่ ซึ่งแตกต่างจากทีมอื่นๆใน เซเรีย อา อย่างชัดเจน 

“การตั้งรับ จะทำให้คุณไม่แพ้ แต่ถ้าคุณอยากชนะ คุณต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตี” นี่คือหลักการที่ กาสเปรินี่ เน้นย้ำกับลูกทีมอยู่เสมอ แม้ช่วงแรก อตาลันต้า จะแพ้ติดๆกันจนเกือบถูกไล่ออก แต่เจ้าตัวก็ยังยึดมั่นในหลักการ รวมถึงการผลักดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาสู่ชุดใหญ่อย่างได้ผล ทำให้ อตาลันต้า เริ่มดีวันดีคืน จนก้าวขึ้นไปจบที่อันดับ 4 ของตาราง เหนือกว่า เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และลาซิโอ เสียด้วยซ้ำ

กาสเปรินี่ สร้าง อตาลันต้า ให้กลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างเร้าใจ ยิงประตูถล่มทลาย เสียเท่าไหร่ไม่ว่าขอแค่ยิงให้ได้มากกว่าเป็นพอ ด้วยสไตล์การเล่นแบบนี้ทำให้ อตาลันต้า มีแฟนบอลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นที่ยอดกุนซืออย่าง เป็ป กวาดิโอล่า ยังยอมรับว่าเป็นแฟนและติดตามดู อตาลันต้า อยู่เป็นประจำ

หลุยส์ ฟาน กัล-อาร์ริโก้ ซาคคี่

  • "หลุยส์ ฟาน กัล-อาร์ริโก้ ซาคคี่" อิทธิพลด้านแท็กติกของ กาสเปรินี่

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หากพูดถึงในด้านแท็กติก ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบการเล่น 4-3-3 ของ โชเซ่ มูรินโญ่ มีอิทธิพลอย่างสูงจนทำให้แทบทุกทีมในโลกปรับมาเล่นระบบนี้กันหมด แต่ กาสเปรินี่ ถือเป็นหนึ่งในกุนซือไม่กี่คนที่หันมาใช้ระบบ "หลัง 3"

กาสเปรินี่ ยอมรับว่าสไตล์การเล่นแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในยุคที่ หลุยส์ ฟาน กัล เป็นกุนซือ ที่เล่นในระบบ 3-4-3 เพราะเจ้าตัวมองว่าเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง ในยามป้องกันก็ขยับวิงแบ็กและตัวรุกลงมาจนกลายเป็น 5-4-1 ได้อย่างรวดเร็ว ผสมกับการเพรสซิ่งอย่างหนักที่ได้รับอิทธิพลมาจาก อาร์ริโก้ ซาคคี่ ตำนานกุนซือของ เอซี มิลาน ในยุค 90

ในส่วนของแนวรุก กาสเปรินี่ จะนิยมการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่รูปร่างสูงใหญ่ไว้ 1 คน โดยมีแนวรุกอีก 2 คนที่ยืนต่ำกว่า และเป็นคนคอยสร้างสรรค์เกมในแดนหน้าแทนที่จะใช้เพลย์เมคเกอร์เบอร์ 10 ตามสมัยนิยมในยุคนั้น

แท็กติกแบบนี้แม้ว่าจะทำให้เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงที่สามารถนำมาใช้และประสบความสำเร็จกับทีมเล็กๆได้ แต่เขาก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางที่ไม่สมดุล แม้จะทำประตูได้มากแต่ก็เสียประตูได้ง่ายเช่นกัน ที่ผ่านมาจึงยังมีการตั้งคำถามกันว่าระบบของเขาจะมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมหรือไม่หากเจ้าตัวได้รับโอกาสให้ไปคุมทีมใหญ่

อย่างไรก็ตามไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร จะได้คุมทีมใหญ่อีกครั้งหรือไม่ แต่ที่แน่ๆก็คือเวลานี้ ชื่อของ "จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่" ได้กลายเป็นชื่อที่ถูกจารึกในตำนานของ อตาลันต้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

logoline