ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/24 กำลังจะได้บทสรุปในคืนนี้ ที่ทั้ง 20 ทีมจะลงสนามแข่งพร้อมกันในเวลา 22.00 น.
โดยการแข่งขันนัดนี้มีประเด็นที่ต้องติดตามอยู่หลายด้าน ดังนี้
1. "เรือใบ-ปืนใหญ่" ใครจะคว้าแชมป์
ถึงเวลานี้มี 2 ทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์กันในนัดสุดท้าย โดยแชมป์เก่า "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 88 คะแนนจาก 37 นัด หากพวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ ก็จะคว้าแชมป์ไปครองทันทีโดยไม่ต้องสนใจผลงานของ "เดอะ กันเนอร์ส" ซึ่งหากพลพรรคเรือใบทำได้ พวกเขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษทันที
โอกาสเดียวที่ อาร์เซน่อล จะแย่งแชมป์ได้ก็คือ ต้องเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ให้ได้สถานเดียว แล้วค่อยไปภาวนาให้ แมนฯซิตี้ ไม่ชนะ เวสต์แฮม
2. ศึกชิงโควตาถ้วยยุโรปยังเข้มข้น
ตอนนี้ในส่วนของโควตาลุยถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ได้ครบ 4 ทีมเรียบร้อยแล้วคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ แอสตัน วิลล่า โดยเฉพาะ "สิงห์ผงาด" ที่เป็นการได้ลุยยูซีแอลครั้งแรกในรอบ 41 ปีของสโมสรทีเดียว
แต่ในส่วนของถ้วย ยูโรปาลีก ยังถือว่ามีลุ้นกันหลายทีม ซึ่งทีมจากอังกฤษจะได้โควตาถ้วยนี้ 2 ทีม คือทีมอันดับ 5 และแชมป์เอฟเอคัพ (แมนฯซิตี้ หรือ แมนฯยูไนเต็ด) แต่ถ้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นของ "เรือใบสีฟ้า" โควตาก็จะตกเป็นของทีมอันดับ 6
ส่วนถ้วย ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก เดิมทีเป็นของทีมแชมป์ลีกคัพ แต่เนื่องจากลิเวอร์พูลที่เป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ และการันตีไปแชมเปียนส์ลีกแน่นอนแล้ว โควตาจะตกเป็นของอันดับ 6 (หรืออาจจะเป็นอันดับ 7 หากทีมที่ได้ที่ 6 ได้ไปยูโรปาลีกแล้ว)
นั่นหมายความว่าการแย่งชิงอันดับ 5-7 จะมีความหมายอย่างยิ่ง โดยสถานการณ์ปัจจุบันมีทีมที่มีโอกาสแย่งชิงพื้นที่นี้อยู่ 4 ทีม คือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (63 คะแนน), เชลซี (60 คะแนน), นิวคาสเซิ่ล (57 คะแนน) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (57 คะแนน) ทำให้ใน 4 ทีมนี้ จะต้องมี 1 ทีม (หรืออาจจะ 2 ทีม) ที่ต้องอกหัก
โดยโปรแกรมนัดสุดท้าย สเปอร์ส จะบุกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ตกชั้นไปแล้ว, เชลซี จะเปิดบ้านรับ บอร์นมัธ, นิวคาสเซิ่ล จะบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด และ แมนฯยูไนเต็ด จะบุกไปเยือน ไบรท์ตัน
3. แมตช์อำลายอดกุนซือ
ศึกพรีเมียร์ลีกคืนนี้ จะเป็นการอำลา 3 กุนซือที่ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล ประกอบด้วย เจอร์เก้น คล็อปป์ ของ ลิเวอร์พูล, เดวิด มอยส์ ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และล่าสุดคือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ของ ไบรท์ตัน
สำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพ "หงส์แดง" มา 9 ปีเต็ม และพาทีมที่ตกต่ำมานานให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ด้วยการกวาดแชมป์รายการใหญ่ๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, คาราบาวคัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ขออำลาตำแหน่งโดยให้เหตุผลว่า "หมดพลังงาน" ที่จะทำหน้าที่นี้ต่อไป
โดยรายงานล่าสุด อาร์เน่ สล็อต กุนซือของ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม จะเข้ามาทำหน้าที่แทนในซีซั่นหน้า หลังจากทั้งเจ้าตัวและเฟเยนูร์ดยืนยันเองเรียบร้อย แต่ทางฝั่ง หงส์แดง ยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ส่วน เดวิด มอยส์ ก็ประกาศแยกทางกับ เวสต์แฮม หลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าตัวหมดสัญญากับสโมสรพอดี โดย มอยส์ เข้ามาคุมทัพ เวสต์แฮม ครั้งแรกเมื่อปี 2017 ก่อนจะได้คุมทัพแบบชั่วคราวจนถึงปี 2018 จากนั้นในปี 2019 เขาจะได้กลับมารับงานเป็นเฮดโค้ชของ “ขุนค้อน” อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน และเจ้าตัวก็พาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนช์ ลีก มาครองเมื่อฤดูกาล 2022/23 พร้อมเป็นถ้วยยุโรปรายการแรกในประวัติศาสตร์สโมสรด้วย
ส่วนตัวเต็งที่จะเข้ามาทำหน้าที่กุนซือคนใหม่ของ เวสต์แฮม ในซีซั่นหน้า มีรายงานว่าน่าจะเป็น ฆูเลน โลเปเตกี อดีตเฮดโค้ช เรอัล มาดริด และวูล์ฟแฮมป์ตัน ที่มีข่าวว่าบรรลุเงื่อนขส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อให้เกียรติแก่กุนซือคนปัจจุบัน
คนสุดท้ายก็คือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ที่เพิ่งจะประกาศอำลา ไบรท์ตัน เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยแม้จะไม่ได้พา "นกนางนวล" คว้าแชมป์รายการใดๆ แต่ด้วยแท็กติกการทำทีมและการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ เด แซร์บี้ กลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่น่าจับตามที่สุดของวงการฟุตบอลยุโรปเวลานี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่หลายราย และการอำลาสโมสรในครั้งนี้ก็เชื่อว่าน่าจะทำให้เขาได้ก้าวสู่การคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นแน่นอน
โดยสถานการณ์ล่าสุด มีทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตกเป็นข่าวอยากดึงตัว เด แซร์บี้ ไปคุมทีม แต่ถึงเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมลิงก์ดูบอลสด วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. 67