
11 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ศาลาเอนกประสงค์ วัดใหญ่จอมปราสาท ร.ต.ประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วย พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม (วัดน้อยนางหงษ์) ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสาคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันชี้แจงกรณี พระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ได้หายตัวออกไปจากวัด ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 10 มิ.ย.2568 หลังจากมีข้อมูลเชื่อมโยงการโอนเงินไปให้กับ "สีกากอล์ฟ" จำนวนกว่า 1 ล้านบาท
สำหรับการชี้แจงในประเด็นดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และคลายความกังวลต่อวิกฤตศรัทธาของพี่น้องประชาชนที่มีต่อบวรพระพุทธศาสนา
เบื้องต้น พระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ได้แจ้งกับเลขาเจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสาคร (วัดหลังศาลประสิทธิ์) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2568 ว่าต้องเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ต่างจังหวัด พร้อมได้มอบหมายให้พระแผน ซึ่งเป็นพระลูกวัด ปฏิบัติหน้าที่ดูแลวัดไปพลาง และได้เตรียมทำหนังสือขอออกไปปฏิบัติศาสนกิจนอกวัด ส่งมาให้เจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสาคร อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ทั้งนี้ มีข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านว่า ช่วงเช้าก่อนที่เจ้าอาวาสจะหายตัวออกจากวัดไปนั้น ได้มีญาติโยมมาทำบุญพร้อมถวายปัจจัยเป็นเงินจำนวน 70,000 บาท และเจ้าอาวาสได้หายออกจากวัดไปพร้อมเงินจำนวนดังกล่าวด้วย
สำหรับการยกเลิกเวียนเทียนของทางวัด ในช่วงค่ำของวันอาสาฬหบูชา ทั้งที่มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้เรียบร้อย ที่ประชุมได้ชี้แจงว่า เกิดจากความไม่สบายใจของเจ้าอาวาสจนทำให้ต้องเดินทางออกจากวัด ส่งผลให้พระลูกวัด ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากเจ้าอาวาสเป็นประธานและเจ้าพิธีในการจัดกิจกรรมครั้งนี้
ในส่วนของไวยาวัจกรของวัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทดแทนไวยาวัจกรที่ลาออกไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2564
นางสาวสวาท แซ่ตัน ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว แต่สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัด ยังไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะตรวจสอบบัญชีการเงินของวัด ทำได้เพียงตรวจสอบบัญชีรับจ่ายประจำปีที่ทางวัดส่งมาให้เท่านั้น ซึ่งบัญชีดังกล่าวก็ไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก
ขณะที่ อดีตไวยาวัจกรวัดใหญ่จอมปราสาท เล่าว่า รู้สึกสงสารวัดและอยากให้พระในวัดที่เหลือช่วยกันดูแลวัด เพื่อสร้างความศรัทธาให้กับชาวบ้าน ที่ผ่านมาได้รับทราบถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาสมาบ้าง แต่เมื่อลาออกจากการเป็นไวยาวัจกร ตั้งแต่ปี 2564 และไม่ได้เป็นกรรมการวัด จึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับทางวัดมากนัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะชาวพุทธรู้สึกรับไม่ได้ ซึ่งวัดใหญ่จอมปราสาทก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน
ด้าน ชาวบ้านที่กรรมการจัดงานลอยกระทงของวัด เล่าว่า ตอนที่พระมหาทิวากร จะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ชาวบ้านทราบถึงพฤติกรรมเรื่องเงินมาบ้างแล้ว แต่คิดว่าได้ปรับปรุงตัวแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเงินอยู่บ่อยๆ จนชาวบ้านที่เป็นกรรมการจัดงานลอยกระทงทนไม่ได้ จึงได้เปิดบัญชีธนาคารขึ้นมาใหม่ เพื่อนำเงินที่ได้จากการจัดงานลอยกระทงปีละประมาณ 1 แสนกว่าบาท มาเก็บไว้ในธนาคาร ใช้สำหรับดูแลพัฒนาปรับปรุงวัดในด้านต่างๆ
ซึ่งการที่ไม่ส่งมอบเงินให้กับเจ้าอาวาสนั้น เป็นเพราะเคยส่งให้แล้วแต่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้เงินหรือบัญชีของวัดได้ หลังจากนี้ชาวบ้านจะติดตามต่อไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะได้ข้อสรุปแบบใด แต่ชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนได้ตั้งธงเอาไว้แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสนั้น บั่นทอนความรู้สึกของชาวพุทธเป็นอย่างมาก