
24 พฤษภาคม 2568 นายธารา บัวคำศรี ที่ปรึกษา "กรีนพีซ ประเทศไทย" และผู้ร่วมก่อตั้ง "กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" โพสต์เฟซบุ๊ก "Tara Buakamsri - ธารา บัวคำศรี" ระบุถึงต้นตอปัญหาการทำเหมืองแร่ใน "รัฐฉาน" ประเทศเมียนมา จน แม่น้ำกก-แม่น้ำสาย จ.เชียงราย ปนเปื้อนสารหนู ว่า
นายธารา บัวคำศรี ที่ปรึกษา "กรีนพีซ ประเทศไทย" และผู้ร่วมก่อตั้ง "กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
จากการติดตามและแลกเปลี่ยนกับผู้รู้**
ทำให้ผมมีข้อสังเกตและสรุปเบื้องต้นได้ว่า เหมืองแร่ในแถบลุ่มน้ำกกตอนบน/ลุ่มน้ำสายในเขตรัฐฉานเป็นเหมืองแรร์เอิร์ท ไม่ใช่เหมืองทอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
จากการวิเคราะห์ภาพดาวเทียมเบื้องต้น(จากแบบแผนการทำเหมืองแร่ในลุ่มน้ำกกเป็นการสะกัดแร่ด้วยวิธีชะละลาย ณ แหล่งแร่ (In situ leaching) แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในรัฐกะฉิ่นติดพรมแดนจีนซึ่งมีปรากฏการณ์บูมของเหมืองแรร์เอิร์ธ
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า จำนวนแหล่งเหมืองในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 300 แห่ง เพิ่มขึ้นกว่า 40% ระหว่างปี 2021 ถึง 2023 จนกระจายแน่นหนาไปทั่วภูมิประเทศรอบเมืองชายแดนปางวา รวมๆ กันมีขนาดเท่าๆ กับพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร แผนที่แสดงการกระจายตัวของเหมืองแร่น้ำกก/น้ำสายในเขตรัฐฉาน (ที่มา : ดร.สืบสกุล กิจนุกร)
แผนที่แสดงการกระจายตัวของเหมืองแร่น้ำกก/น้ำสายในเขตรัฐฉาน (ที่มา : ดร.สืบสกุล กิจนุกร) การสะกัด Rare Earth ด้วยวิธีชะละลาย ณ แหล่งแร่ (In situ leaching) ได้รับความนิยมมากกว่าการทำเหมืองแบบเปิด เนื่องจากไม่ต้องใช้ต้นทุนเริ่มต้นจำนวนมาก วัสดุพื้นฐาน เช่น สารเคมีสำหรับชะละลาย ท่อ และถังเก็บ รวมถึงเทคโนโลยีอย่างเครื่องสูบน้ำ ล้วนไม่แพงหรือขนส่งยาก
แตกต่างจากการทำเหมืองแบบเปิดที่ต้องมีการขุดเจาะขนาดใหญ่ (รวมถึงการใช้เครื่องจักรหนัก) การถางป่าและเคลียร์พื้นที่ขนาดใหญ่ และยังก่อให้เกิดกากแร่ปริมาณมากที่ต้องจัดการอย่างต่อเนื่อง แต่ In situ leaching นั้นมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของดินและน้ำใต้ดินจากสารชะละลาย
การสูบน้ำและสารเคมีเข้าสู่ชั้นดินเหนียวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม ทั้งการทำเหมืองแบบเปิดและ In situ leaching ต่างก็สามารถก่อให้เกิดน้ำเสียจำนวนมาก เนื่องจากต่างก็ต้องใช้น้ำในการสกัดแร่แรร์เอิร์ธจากชั้นดินเหนียว...
วิกฤต “แม่น้ำกก–สาย” ถึงเวลาคนเชียงรายต้องลุกขึ้น!
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย — สายเลือดหลักของชาวเชียงราย — ถูกตรวจพบ สารปรอทและสารหนู เกินมาตรฐานตลอดระยะทางกว่า 150 กิโลเมตร ตั้งแต่ท่าตอนถึงเชียงแสน ก่อนจะไหลลงแม่น้ำโขง
นี่ไม่ใช่แค่ “น้ำขุ่น” ธรรมดา แต่คือสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ต่อ สุขภาพ เศรษฐกิจ และอนาคตของทุกครอบครัว ฯลฯ
ภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก "Tara Buakamsri - ธารา บัวคำศรี" และ "สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต"