
ปัจจุบันวิกฤตโลกร้อน ทะเลเดือด น่าเป็นห่วง เนื่องจากส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ปะการังฟอกขาว" รวมถึง ดอกไม้ทะเลอ่อนแอลง จนกระทบต่อปลาการ์ตูน ที่อาศัยดอกไม้ทะเลเป็นบ้าน จึงอ่อนแอตามไปด้วย และกลายเป็นเหยื่อปลาอื่นได้ง่าย
พบปะการังฟอกขาวแล้วกว่า 10% ที่กระบี่
ทะเลไทยร้อนที่สุดทำลายสถิติในรอบ 40 ปี
ขณะที่ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า น้ำทะเลไทยร้อนที่สุดตั้งแต่เคยตรวจวัดมา หายนะปะการังฟอกขาวเพิ่งเริ่มต้น เราอาจเจอระดับรุนแรงสุดๆ เป็นข้อมูลของ NOAA สถาบันหลักของโลกในด้านนี้
พร้อมกันนี้ "อ.ธรณ์" ได้เผยภาพกราฟอุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเล โดยอธิบายว่า ภาพบนคือกราฟอุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเล เราตรวจวัดโดยใช้ดาวเทียม ย้อนไปได้ตั้งแต่ปี 1985 อันเป็นจุดเริ่มที่เราใช้ดาวเทียมวัดอุณหภูมิน้ำเป็นครั้งแรก
เส้นสีดำคือกราฟของปีนี้ 2024 จะเห็นว่าอุณหภูมิน้ำในช่วงนี้อยู่เหนือทุกเส้น ทำลายสถิติในรอบ 40 ปี (และอาจเป็นตลอดกาลแต่ก่อนหน้านั้นเราวัดไม่ได้) สอดคล้องกับข้อมูลน้ำจากสถานีโทรมาตรของคณะประมงที่เพิ่งนำมาให้เพื่อนธรณ์ดู ยังสอดคล้องกับข้อมูลจากหลายหน่วยที่รายงานกันเข้ามา น้ำทะเลช่วงนี้ร้อนสุดๆ
เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยน้ำทะเล 40 ปี (ดูดีๆ จะเห็น + สีม่วง) จะเห็นว่าน้ำร้อนจัดต่อเนื่อง 2 เดือน คือเมษายนและพฤษภาคม ก่อนจะเย็นลงนิดเมื่อถึงเดือนมิถุนายน เพราะเข้าหน้าฝนแล้ว หมายความว่าน้ำทะเลที่ร้อนจัดจนทำลายสถิติ อาจอยู่กับเราไปอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ แน่นอนว่าส่งผลกับปะการัง
คราวนี้มาดูภาพล่าง เป็นแผนที่มีสีต่างๆ นั่นคือระดับการฟอกขาวของปะการัง เริ่มจากมุมซ้ายบน เป็นสถานการณ์ปัจจุบัน สีส้มคือ warning (เฝ้าระวัง) สีแดงคือ Alert L1 (ฟอกขาว)
ข้อมูลค่อนข้างตรงกับรายงานจากฝ่ายต่างๆ ปะการังตามชายฝั่งเริ่มฟอกแล้ว ปะการังเกาะห่างฝั่งยังอยู่ระดับสีซีด
สังเกตภาพเกจวัด หากดูสถานการณ์รวม ตอนนี้เราอยู่ในระดับ Alert 1 หรือฟอกขาว
เขยิบไปภาพมุมขวาบน (week 1-4 ต่อจากนี้) สีส้มหายไปเกือบหมด กลายเป็นสีแดง (ฟอกขาว) และสีแดงเข้ม (ฟอกขาวรุนแรง) หมายความว่าเราจะเจอปะการังฟอกขาวหนักขึ้นตลอดเดือนพฤษภาคม ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน
ฝนอาจบรรเทาได้บ้าง แต่ก็ต้องลุ้นว่าได้แค่ไหน เพราะหากน้ำยังร้อนต่อเนื่อง ฝนก็แค่ช่วยนิดหน่อย เกจวัดเด้งไปอยู่ Alert 2 แล้วครับ
คราวนี้มาดูภาพมุมซ้ายล่าง 4-8 อาทิตย์ต่อจากนี้ คิดง่ายๆ ประมาณเดือนมิถุนายน
แม้อุณหภูมิน้ำเริ่มลดลงนิดหน่อย แต่ปะการังที่แช่น้ำร้อนมาตลอดเมษา-พฤษภา อ่อนแอมากจนยังเกิดการฟอกขาวต่อเนื่อง
เดือนมิถุนายนอาจเป็นเดือนที่เราเห็นปะการังขาวโพลนทั่วทะเลไทย แม้เข้าหน้าฝน แต่ก็อาจสายไปแล้ว
เกจวัดยังคงอยู่สเกลสูงสุด Alert 2 ภาพสุดท้าย มุมขวาล่าง 9-12 อาทิตย์ต่อจากนี้ ประมาณกรกฎาคม การฟอกขาวเริ่มสิ้นสุด เราจะรู้ได้ว่าปะการังตายหรือรอดแค่ไหน
ถ้าดูจากสถานการณ์ทั้งหมด หนนี้คงเป็นการฟอกขาวครั้งใหญ่ และอาจมากกว่าปี 2553 ซึ่งเป็นการฟอกขาวครั้งใหญ่สุดของไทย (ฟอกทั้งอ่าวไทยและอันดามัน)
จึงอยากบอกเพื่อนธรณ์ว่า ที่ผ่านมาเป็นแค่เผาหลอก ทะเลเดือดระดับเผาจริงจะเริ่มนับจากนี้เป็นต้นไป
ปะการังจะฟอกขาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงปลายมิถุนายน เป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างยิ่ง แต่ก็ต้องพยายามต่อไป
ช่วงนี้ผมออกทะเลทุกอาทิตย์ครับ
ทะเลเดือดกำลังคร่าชีวิต "ปลาการ์ตูน"
พร้อมระบุว่า นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในช่วงน้ำร้อนจัด ปลาการ์ตูนที่อยู่กับดอกไม้ทะเลฟอกขาว จะอ่อนแอมากกว่าปรกติ คล้ายมีความเครียด กลายเป็นเหยื่อปลาอื่นง่าย ที่สำคัญ อัตราฟักออกจากไข่ของลูกปลาการ์ตูนจะลดลงเกินครึ่งหรือกว่านั้น
ปลาการ์ตูนวางไข่ติดพื้นข้างฐานดอกไม้ทะเล เราสามารถนับได้ว่ารอดแค่ไหน เมื่อนำทุกอย่างมารวมกัน ตาย ตัวเล็กลง ปลาอ่อนแอ ลูกปลาเกิดน้อยลงมาก
เมื่อดูในภาพ มีดอกไม้ทะเลฟอกขาวหลายกอ เริ่มน่าเป็นห่วงครับ ทางช่วยคือดูอยู่ห่างๆ อย่าไปรบกวนปลาในช่วงอ่อนแอ เพราะอาจส่งผลต่อปลาที่ไม่ค่อยปรกติ ยังอาจส่งผลต่ออัตราฟักไข่ที่ต่ำมากอยู่แล้วเพราะน้ำร้อน
"อ.ธรณ์" ย้ำด้วยว่า น้ำปีนี้ร้อนจัด ต้องภาวนาให้ฝนตกลงมานานๆ เมฆบังแดดเยอะๆ ที่สำคัญ เราอย่าซื้อดอกไม้ทะเลมาเลี้ยง บอกได้ว่ารอดยาก ที่สำคัญคือผิดกฏหมาย
ดอกไม้ทะเลเป็นสัตว์คุ้มครอง เพื่อนธรณ์เห็นใครขาย/เลี้ยง/มีไว้ในครอบครอง หากไม่ใช่เพื่อการวิจัยหรือหน่วยงานราชการหรือมีใบอนุญาต สามารถแจ้งกรมทะเลได้โดยตรง
ร่วมช่วยลดโลกร้อนทุกทาง
ผู้เขียนขอยกแนวทางที่เราช่วยลดโลกร้อนทุกทางได้ มาเล่าให้อ่านกัน เช่น ไม่ทิ้งขยะลงทะเล ซึ่งอาจช่วยบรรเทาผลกระทบ นอกจากนี้ เรายังสามารถช่วยกันดูแลรักษา และอนุรักษ์แนวปะการัง เริ่มจากการลดการสร้างมลภาวะที่ทำได้ดังต่อไปนี้
เปิด 5 ข้อควรปฏิบัติ คุณก็เที่ยวทะเลเชิงอนุรักษ์ได้
1.ลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ขยะพลาสติกเมื่อลงสู่ทะเล จะกลายเป็นอันตรายต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น เต่าทะเล อาจคิดว่าถุงพลาสติกนั้นเป็นแมงกระพรุน ซึ่งเป็นอาหารของมัน
2.ไม่ทิ้งขยะลงในทะเล เหตุผลที่ไม่ควรทิ้งขยะลงในทะเล เนื่องจากขยะเพียงหนึ่งชิ้นก็สามารถคร่าชีวิตของสัตว์ต่างๆในทะเลได้
3.ใช้ครีมกันแดดที่เป็นมิตรกับปะการัง ก่อนลงเล่นน้ำ หรือดำน้ำ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่สีสารเคมีที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะสารเคมีบางตัวในครีมกันแดด สามารถทำอันตรายต่อปะการัง รวมถึงสิ่งมีชีวิตได้
4.ไม่เหยียบ-นั่ง-ยืน บนปะการัง เมื่อไปทำกิจกรรมดำน้ำ ทั้งดำน้ำตื้นหรือน้ำลึก เราไม่ควรเหยียบ ยืนหรือนิ่งบนช่อปะการัง เพราะการทำแบบนั้น สามารถทำให้ปะการังเสียหาย อีกทั้ง เป็นการรบกวนสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในปะการังอีกด้วย
5.ปฏิบัติตามคำเตือนและข้อปฏิบัติของพื้นที่นั้นโดยเคร่งครัด บางพื้นที่ จะมีข้อห้าม รวมถึง ข้อควรปฏิบัติ หากไปท่องเที่ยว ณ สถานที่นั้นๆ เราก็ควรทำตามข้อปฏิบตัเหล่านั้น อาทิ บางเกาะห้ามนำพลาสติกเข้าเกาะ เพราะมีนโยบายมีขยะพลาสติกบนเกาะให้เป็น 0 ลดมลพิษจากขยะพลาสติกที่อาจไหลลงสู่ทะเลได้ เป็นต้น
มาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นว่าวิกฤตโลกร้อน ทะเลเดือด กำลังส่งผลกระทบต่อบรรดาสิ่งมีชีวิตในทะเล อย่างปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาการ์ตูน คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ เพื่อให้พวกเขายังคงอยู่คู่กับท้องทะเลไปอีกนานแสนนาน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
Tripderntang.com
https://www.springnews.co.th/spring-life/823163