จากกรณี ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนพิเศษ 71 วันที่ 12 มีนาคม 2567 ประกาศ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปี 2567 จำนวน 23,488 ล้านบาท เตรียมการจ่ายหนี้ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2567 ทั้งนี้หนี้ทั้งหมดถึงวันนี้ (17 มี.ค.) ประมาณ 5.3 หมื่นล้าน
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 สภากรุงเทพมหานคร ได้ลงมติ 44 เสียง เพื่ออนุมัติจ่ายเงินภายใน 2 เดือน ซึ่ง กทม.จะนำเงินสะสมจ่ายขาดที่มีอยู่ 40,000-50,000 ล้านบาท มาชำระหนี้ดังนี้
ล่าสุด ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte" เปิดข้อมูลถึงการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี พร้อมเปรียบทเทียบถึงข้อดีและข้อเสียหากชำระหนี้ให้หมดก่อนสัญญาปี 2572 โดยมีรายละเอียดดังนี้..
ลุ้น ! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572
น่าดีใจที่ กทม. เตรียมจ่ายหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลให้ BTS ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน จากหนี้ทั้งหมดถึงวันนี้ประมาณ 5.3 หมื่นล้าน ไม่รวมหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 อีกก้อนใหญ่
หาก กทม. สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญา หรือหาก กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ อะไรจะเกิดขึ้น ?
1. ถึงวันนี้ กทม. เป็นหนี้ BTS เท่าไหร่ ?
ถึงวันนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมดอกเบี้ยประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
หนี้ E&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2559 และได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อขยายเส้นทางยาวขึ้น ส่วนหนี้ O&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2560 เมื่อเปิดเดินรถช่วงสถานีสำโรง-สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ในวันที่ 3 เมษายน 2560 และหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปิดเดินรถจากสถานีปู่เจ้าสมิงพราย-สถานีเคหะสมุทรปราการ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ตามด้วยการเปิดเดินรถจากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 และจากห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563
2. ความเป็นไปได้ในการจ่ายหนี้โดย กทม.
เวลานี้ กทม. มีความพร้อมที่จะจ่ายหนี้ก้อนแรกค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถที่ถึงเวลานี้มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท กทม. ยังไม่จ่าย เนื่องจากยังมีคดีค้างอยู่ที่ศาลปกครอง
นอกจากนี้ ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ ถ้า กทม. ไม่สามารถจ่ายได้ รัฐบาลจะช่วย กทม. หรือไม่ ?
โอกาสที่จะเกิดขึ้นในการชำระหนี้ มีดังนี้
(1) กทม. จะสามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
ทั้งนี้ กทม. ควรเก็บค่าโดยสารให้มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเอง นั่นคือพอเพียงกับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งานมานานหลายปี
(2) กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
3. สรุป
การแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี ถึงเวลานี้พอจะมีความหวัง ไม่ว่า กทม. จะสามารถชำระหนี้ได้หมดก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 หรือไม่ BTS ก็จะยังคงมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อไป
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมด BTS ก็จะเป็นผู้รับจ้างเดินรถไปจนถึงปี 2585 กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง รายได้ทั้งหมดจะเป็นของ โดย กทม. จะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
หาก กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS โดย BTS จะต้องรับภาระหนี้แทน กทม. และจะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
อีกไม่นานก็คงรู้ว่า BTS จะมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวในฐานะผู้รับจ้างเดินรถ หรือผู้รับสัมปทานแบบเดิมต่อไป
ที่มา : เฟซบุ๊ก "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte"
“บีทีเอส” จะนำเงินไปเคลียร์หนี้สะสม
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมา BTSC ได้มีการหารือกับกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง โดยจะรวบรวมรายละเอียดจำนวนหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งได้ข้อสรุปจำนวนหนี้ตรงกันที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท
โดยกรุงเทพมหานครยืนยันว่าจะจ่ายหนี้ส่วนนี้ให้กับ BTSC ในครั้งเดียวภายในเดือน มี.ค.2567 เพราะมีเงินสะสมจ่ายขาดที่พร้อมนำมาดำเนินการอยู่แล้ว
ขณะที่ทาง BTSC ได้เตรียมนำเงินส่วนนี้ไปชำระให้กับเจ้าหนี้ที่ครบกำหนด อาทิ เงินกู้สถาบันการเงิน และหนี้จากการออกพันธบัตร เป็นต้น โดยการชำระหนี้ส่วนนี้จะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
อีกทั้งการรับชำระหนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) จะส่งผลให้หนี้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวลดลง โดยจะยังคงเหลือเพียงหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) และช่วงที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ปัจจุบันหนี้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้มีการยื่นฟ้องและอยู่ในขั้นตอนศาลปกครองพิจารณา แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ศาลปกครองพิพากษาให้กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับ BTSC จำนวน 11,755.06 ล้านบาท แบ่งเป็น
ส่วนที่ 2 ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ตามที่ BTSC ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จ่ายหนี้เพิ่มอีกประมาณ 11,068.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565
รายงานข่าวจากศาลปกครองสูงสุด ระบุว่า ขณะนี้มีคดีเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่อยู่ระหว่างศาลปกครองสูงสุดพิจารณา คือ คดีหมายเลขดำที่ อ.2226/2565 ระหว่าง BTSC ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีระหว่างกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (ผู้ถูกฟ้องคดี 2) ซึ่งมีข้อมูลการฟ้องร้องในประเด็นไม่ชำระค่าตอบแทนตามสัญญา โดย BTSC ได้มีหนังสือทวงถามให้ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเพิกเฉย เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย