svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ตำรวจเร่งสอบปม "กะเทยฟิลิปปินส์" อยู่ไทยผิดกฎหมายหรือไม่ ยืนยัน ไม่มีมาเฟีย

05 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้การฯ นครบาล 5 สั่งเร่งตรวจสอบ "กะเทยฟิลิปปินส์" เข้ามาท่องเที่ยว หรือทำงาน เผย พื้นที่ไม่มีเรื่องมาเฟีย ด้าน 2 กะเทยไทย ผู้บาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ก่อนโดนรุม ยืนยัน ไม่เกี่ยวปมตัดราคา

5 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เปิดเผยความคืบหน้ากรณีกะเทยไทยและกะเทยฟิลิปปินส์ ก่อเหตุทะเลาะวิวาทภายในซอยสุขุมวิท 11 โดยไล่เลียงเหตุการณ์ ว่า เกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ ตี 2 ของวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา เกิดการเขม่นกันระหว่างกลุ่มกะเทยไทยกับกะเทยฟิลิปปินส์ ตำรวจไปเชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาพูดคุย สามารถทำความเข้าใจกันได้แล้วจบกันไป หลังออกจากโรงพักกลับไปเจอกันอีกครั้งที่ร้านซีฟู้ด ทำให้มีปากเสียงกันอีก และแยกย้ายกันไปอีกครั้ง

พอครั้งที่ 3 ทั้งสองฝ่ายไปเจอกันที่ซอยสุขุมวิท 11 ตอนนั้นฝั่งกะเทยฟิลิปปินส์ มีประมาณ 15 คน ฝั่งคนไทยมี 6 คน แล้วเกิดการทะเลาะวิวาทกัน คนไทยเจ็บ 5 คน พอแยกย้ายกันเสร็จ ทางกะเทยฟิลิปปินส์ ได้โพสต์คลิปที่เกิดขึ้น ทำให้ช่วง 2 ทุ่ม วันที่ 4 มีนาคม คนไทยพยายามจะไปขอเคลียร์ที่โรงแรม พอตำรวจทราบก็พยายามไปเชิญทั้งสองฝ่ายมาเจรจาที่ สน.ลุมพินี แต่ระหว่างการรอมีกลุ่มคนไทยโพสต์ให้มารวมตัวกันที่ซอยสุขุมวิท 11 ทำให้เรื่องบานปลายตามคลิปที่มีเหตุชุลมุน

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวน จะมีการดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ได้ประสานตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบกะเทยชาวฟิลิปปินส์ว่า มีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะตรวจสอบกล้องวงจรปิด และกล้อง Body Camera ของตำรวจ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายให้ได้มากที่สุด

เบื้องต้นกลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์เข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เข้ามาพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุเป็นหลัก โดยเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน ดังนั้นจะให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบทั้งหมดว่า เข้ามาอย่างถูกต้อง และทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ และหากคู่กรณีออกนอกประเทศไป ก็มีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ

เมื่อสอบถามว่างกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ แจ้งว่าเข้ามาในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยว หรือเข้ามาประกอบอาชีพ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากคำให้การเขาแจ้งว่าเป็นนักท่องเที่ยว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ โดยจะร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน รวมถึงจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่โรงแรมที่เกิดเหตุด้วย

ส่วนกรณีที่ มีการตั้งตนเป็นมาเฟีย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ระบุว่า สาวประเภทสองที่ใช้ชีวิตที่นี่ ตำรวจมีการทำประวัติ ตรวจสอบ ตรวจค้นเป็นระยะ น่าจะไม่มีเรื่องของมาเฟียแน่นอน

เผย กะเทยฟิลิปปินส์ อยู่มา 3-4 เดือน วอนตำรวจตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีเพื่อนๆ เดินทางมาให้กำลังใจเพื่อนกะเทยไทย ที่ สน.ลุมพินี พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า

จริงๆ แล้วพวกตนจะไปเคลียร์กับกะเทยฟิลิปปินส์ เพราะเพื่อนที่ชื่อวาย ถูกทำร้ายก่อนหน้านี้ และตำรวจนัดให้ไปเคลียร์กันที่หน้าโรงแรม แต่ที่มีกลุ่มกระเทยคนอื่น ยืนยันไม่ได้เป็นคนนัด และคิดว่าคนอื่นเห็นคลิปจากโซเชียล จึงอยากจะตามมาให้กำลังใจ

และมีการพยายามจะเจรจากันที่หน้าโรงแรมแต่ไม่สำเร็จ จนเกิดเหตุชุลมุนกันตามคลิปที่ปรากฏลงโซเชียล ตำรวจพยายามให้ทั้งสองฝ่ายมาคุยกันที่ สน.ลุมพินี ซึ่งมีเพียงกะเทยฟิลิปปินส์ตามมาด้วย 4 คน ทั้งที่มีมากกว่านั้น และมีเพียง 2 คน ที่รู้เรื่องเหตุการณ์ วันที่ 4 มีนาคม ส่วนกะเทยฟิลิปปินส์ที่เหลือ ทราบว่าได้หอบกระเป๋าออกออกจากโรงแรมขึ้นรถแท็กซี่ ไปสนามบินตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

พวกตนอยากตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ว่า คู่กรณีมาก่อเหตุที่บ้านเรา เหตุใดถึงปล่อยตัวให้ออกนอกประเทศได้ง่ายขนาดนี้ และตนเองได้โทรศัพท์สอบถามตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กลับบอกว่าตำรวจต้องออกหมายจับ ถึงจะควบคุมคู่กรณีได้ และต้องให้ตำรวจสน.เป็นผู้ประสานงานไปเท่านั้น

ยอมรับว่าเมื่อได้ยินก็ทำให้ตัวเองรู้สึกหมดหวังในกฎหมายไทยและตำรวจไทย เพราะเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย ถือเป็นความรุนแรงมีการรุมทำร้าย 20 ต่อ 6 แต่จับกุมคนร้ายได้เพียง 2 คนเท่านั้น

หนึ่งในกลุ่มเพื่อนผู้บาดเจ็บ บอกว่า ในฐานะที่ทำงานมาตรงนี้หลายปี และกะเทยฟิลิปปินส์เพิ่งจะเข้ามาเช่าโรงแรม ตรงที่เกิดเหตุ และมักจะรวมตัวยืนกันที่หน้าโรงแรมเป็นประจำ เท่าที่เห็นกลุ่มนี้ อยู่มาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว

ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามาทำงานอะไร แต่ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจว่าทำอะไร และเมื่อกลุ่มกระเทยไทยเดินผ่านก็จะถูกแก๊งกะเทยฟิลิปปินส์ กระทืบเท้ายกเท้าใส่ และตะโกนด่าล้อเลียน ด่าทอ และตะโกนไล่ให้ออกจากพื้นที่ เสมือนพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกระเทยฟิลิปปินส์ และที่ผ่านมาพวกตนพยายามเดินเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่อง

ทั้งนี้ ยืนยันว่า กลุ่มเพื่อนตนเองถูกกระทำ และไม่ได้เริ่มก่อน จึงยอมไม่ได้ ไม่ว่ากลุ่มกะเทยประเทศไหนเจอแบบตนก็ต้องสู้แบบตนแน่นอน และมองว่ากลุ่มกระเทยไทยรักกันและช่วยเหลือกันมากกว่า คนต่างน่าจะเข้าใจ

อยากให้ทางตำรวจ ตม. ตรวจสอบถึงการเข้ามาของกระเทยฟิลิปปินส์ว่า เข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่และเข้ามาทำอะไร อยู่เกินวีซ่าหรือไม่ เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ด้วย

2 กะเทยไทย ผู้บาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ก่อนโดนรุม ไม่เกี่ยวปมตัดราคา

ด้าน เกมส์และเมย์ กะเทยไทย ที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า สาเหตุมาจากการที่กลุ่มสาวประเภทสองไทย ซึ่งเป็นน้องของตน เดินผ่านกลุ่มสาวประเภทสองฟิลิปินส์ แล้วกลุ่มสาวประเภทสองฟิลิปินส์กระทืบเท้าใส่ น้องตนจึงถามว่า "เป็นอะไรหรือเปล่า" จากนั้นกลุ่มสาวประเภทสอฟิลิปปินส์ก็มีท่าทางยั่วยุ จนสุดท้ายต้องมาเคลียร์กันที่โรงพัก และก็เคลียร์กันจบแล้ว หลังจากนั้นน้องของตนก็ไปกินข้าวที่ปากซอยสุขุมวิท 5 และเจอกับกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์อีก ก่อนโดนหาเรื่องและเข้ามารุมกระทืบ

ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้อยากมีเรื่องกับกะเทยฟิลิปปินส์ แต่คู่กรณีมารุมทำร้ายก่อน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องของการขายบริการตัดราคา เพราะเรื่องนี้ตนเองไม่ทราบ และไม่เชื่อว่ากะเทยฟิลิปปินส์ จะเดินทางเข้าไทยมาเป็นนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมากะเทยไทยไม่เคยทำอะไรเลย แม้จะถูกยั่วยุ เพราะไม่อยากให้ภาพลักษณ์คนมองสาวประเภทสองไทยไม่ดี ยืนยันว่าหลังจากนี้จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ตำรวจเร่งสอบปม \"กะเทยฟิลิปปินส์\" อยู่ไทยผิดกฎหมายหรือไม่ ยืนยัน ไม่มีมาเฟีย

รองโฆษก ตม. เผย กะเทยฟิลิปปินส์ เข้าไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว

พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้สัมภาษณ์กับ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ว่า จากการตรวจสอบพบข้อมูลของชาวฟิลิปปินส์ 2 คน ที่ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ลุมพินี ว่า ทั้ง 2 คนเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ที่ยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งทั้ง 2 คน ยังมีวีซ่าท่องเที่ยวอยู่ประเทศไทยได้จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2567 และ 30 มีนาคม 2567

logoline