svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ถึงเวลาออกกฎคุม "อินฟลูอินเซอร์" ? แข่งผลิตคอนเทนต์มองข้ามความถูกต้อง

05 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไทยถึงเวลาออกกฎคุม "อินฟลูเอนเซอร์" หรือยัง หลังผลสำรวจพบแข่งผลิตคอนเทนต์กระแส มองข้ามความถูกต้องเหมาะสม สร้างค่านิยมที่ผิดให้สังคม

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2566 ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจหนึ่งในนั้นคือหัวข้อ Influencer : เมื่อทุกคนในสังคมล้วนเป็นสื่อ

สศช.อ้างอิงจากผลสำรวจจากข้อมูลจาก Nielsen ในปี 2565 พบว่า ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวนอินฟลูเอนเซอร์รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน ประเทศไทยมีจำนวน 2 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย  

อินฟลูฯ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจโลกมหาศาล

โดยในปี 2566 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับทั่วโลกถึง 19.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 140.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี

ถึงเวลาออกกฎคุม \"อินฟลูอินเซอร์\" ? แข่งผลิตคอนเทนต์มองข้ามความถูกต้อง

Influencer อาชีพยอดฮิต ทำง่าย-ได้เงินไว

สำหรับไทย อาชีพอินฟลูเอนเซอร์ ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ได้ค่อนข้างสูง เฉลี่ยตั้งแต่ 800 - 700,000 บาทขึ้นไปต่อโพสต์

ผลิตคอนเทนต์กระแสหวังสร้างยอด ไม่สนถูกต้อง-เหมาะสม

อย่างไรก็ตามการแข่งขันผลิตคอนเทนต์และการให้ความสำคัญกับ Engagement ของอินฟลูเอนเซอร์มักมีการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่ซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมหลายประการ อาทิ

  • การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ตัวอย่างเช่น การเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ

 

  • การชักจูงหรือชวนเชื่อที่ผิดกฎหมาย อาทิ การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ โดยข้อมูลจากผลการสำรวจพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ในปี 2566 พบว่า คนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์ประมาณ 3 ล้านคน โดย 1 ใน 4 เป็นนักพนันฯ หน้าใหม่ หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 7.4 แสนคน
  • การละเมิดสิทธิ พบว่า อินฟลูเอนเซอร์บางรายมีการเสนอข่าวอาชญากรรมราวกับละคร เพื่อสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ และไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เสียหาย ครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังพบการทำข่าวโดยใช้ภาพผู้คนหรือวิดีโอของผู้อื่นมาตัดต่อลงคอนเทนต์ของตน โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มา
  • ผลิตเนื้อหาที่นำไปสู่การสร้างค่านิยมที่ผิดต่อสังคม  อาทิ คอนเทนต์ “การอวดความร่ำรวย”

คอนเทนต์อวดรวยเกินจริงฟีเวอร์ หวั่นเป็นเหตุสร้างหนี้ กลุ่ม Gen Z

จากการศึกษาของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่ม Gen Z ร้อยละ 74.8 เป็นผู้ที่ชอบแสดงตัวตนในรูปแบบนี้มากที่สุด หรือการนำเสนอภาพบุคคลที่ได้รับการปรับแต่งให้ดูดี จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ไม่แท้จริง ซึ่งอาจสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับเด็กและเยาวชนในสังคม และอาจกระทบต่อการก่อหนี้เพื่อนำมาซื้อสินค้าและบริการ

ถึงเวลาออกกฎคุม \"อินฟลูอินเซอร์\" ? แข่งผลิตคอนเทนต์มองข้ามความถูกต้อง

ไทยถึงเวลาออกกฎคุม "อินฟลูเอนเซอร์"?

ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเชิงลบของ "อินฟลูเอนเซอร์"ต่อสังคมหลายแง่มุม ซึ่งในต่างประเทศ เริ่มมีการออกกฎหมายเฉพาะ "อินฟลูเอนเซอร์" อย่างชัดเจน เช่น

  • สาธารณรัฐประชาชนจีน ออกระเบียบห้ามเผยแพร่ เนื้อหาในลักษณะอวดความร่ ารวย และการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายเกินจริง
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำหนดให้ Influencer ต้องจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากสภาสื่อแห่งชาติ (NMC) เพื่อป้องกันการโฆษณาที่ ผิดกฎหมาย
  • นอร์เวย์และสหราชอาณาจักร กำหนดให้ Influencer แจ้งรายละเอียดภาพบุคคลที่ใช้สำหรับ การขายและโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย พร้อมแสดงเครื่องหมายกำกับ เพื่อลดปัญหาความกดดันทางสังคมต่อ มาตรฐานความงามที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน
  • ประเทศไทย มีกฎหมายควบคุม อาทิ พ.ร.บ. ว่าด้วย การกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 รวมทั้ง อยู่ระหว่างพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ที่มีความพยายามปรับปรุงการกำกับดูแลการนำเสนอข้อมูลให้เท่าทันสื่อปัจจุบัน แต่ยังไม่มีกฎระเบียบ สำหรับกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ แนวทางการกำกับดูแลส่วนใหญ่เน้นไปที่การตรวจสอบ เฝ้าระวัง การนำเสนอ และการตักเตือนแก้ไข ซึ่งหากไทยจะขยายการกำกับดูแลให้ครอบคลุมกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ อาจต้อง ทบทวนการกำหนดนิยามของสื่อออนไลน์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับการผลิตเนื้อหาของสื่อกลุ่มต่าง ๆ โดยอาจศึกษาจากกรณีตัวอย่างของกฎหมายและมาตรการของต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทสังคมต่อไป

logoline