สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2566 ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจหนึ่งในนั้นคือหัวข้อ Influencer : เมื่อทุกคนในสังคมล้วนเป็นสื่อ
สศช.อ้างอิงจากผลสำรวจจากข้อมูลจาก Nielsen ในปี 2565 พบว่า ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวนอินฟลูเอนเซอร์รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน ประเทศไทยมีจำนวน 2 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย
อินฟลูฯ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจโลกมหาศาล
โดยในปี 2566 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับทั่วโลกถึง 19.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 140.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี
Influencer อาชีพยอดฮิต ทำง่าย-ได้เงินไว
สำหรับไทย อาชีพอินฟลูเอนเซอร์ ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ได้ค่อนข้างสูง เฉลี่ยตั้งแต่ 800 - 700,000 บาทขึ้นไปต่อโพสต์
ผลิตคอนเทนต์กระแสหวังสร้างยอด ไม่สนถูกต้อง-เหมาะสม
อย่างไรก็ตามการแข่งขันผลิตคอนเทนต์และการให้ความสำคัญกับ Engagement ของอินฟลูเอนเซอร์มักมีการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่ซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมหลายประการ อาทิ
คอนเทนต์อวดรวยเกินจริงฟีเวอร์ หวั่นเป็นเหตุสร้างหนี้ กลุ่ม Gen Z
จากการศึกษาของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่ม Gen Z ร้อยละ 74.8 เป็นผู้ที่ชอบแสดงตัวตนในรูปแบบนี้มากที่สุด หรือการนำเสนอภาพบุคคลที่ได้รับการปรับแต่งให้ดูดี จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ไม่แท้จริง ซึ่งอาจสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับเด็กและเยาวชนในสังคม และอาจกระทบต่อการก่อหนี้เพื่อนำมาซื้อสินค้าและบริการ
ไทยถึงเวลาออกกฎคุม "อินฟลูเอนเซอร์"?
ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเชิงลบของ "อินฟลูเอนเซอร์"ต่อสังคมหลายแง่มุม ซึ่งในต่างประเทศ เริ่มมีการออกกฎหมายเฉพาะ "อินฟลูเอนเซอร์" อย่างชัดเจน เช่น
นอกจากนี้ แนวทางการกำกับดูแลส่วนใหญ่เน้นไปที่การตรวจสอบ เฝ้าระวัง การนำเสนอ และการตักเตือนแก้ไข ซึ่งหากไทยจะขยายการกำกับดูแลให้ครอบคลุมกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ อาจต้อง ทบทวนการกำหนดนิยามของสื่อออนไลน์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับการผลิตเนื้อหาของสื่อกลุ่มต่าง ๆ โดยอาจศึกษาจากกรณีตัวอย่างของกฎหมายและมาตรการของต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทสังคมต่อไป