svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ทำความรู้จัก ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนฯ-พระตะบอง ตึกแฝดพี่-แฝดน้อง

โลกออนไลน์มีการขุดโพสต์อินสตาแกรมของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สส.แบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเคยลงภาพตึกเก่าสไตล์ยุโรป พร้อมระบุข้อความว่า #บ้านเก่าคุณยาย "My grandmother used to live in this house almost 1 century ago"

โดยตึกดังกล่าว ถูกระบุว่าเป็นตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ในจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ปรากฏว่ามีคนตั้งข้อสงสัยและสืบค้นหาข้อมูลว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นญาติฝ่ายสายใดของ "ตระกูลอภัยวงศ์" อย่างไรก็ตามภาพที่ถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 ถูกลบออกไปจากอินสตาแกรมแล้ว

"Nation STORY" ชวนทำความรู้จัก "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เมืองพระตะบอง" ซึ่งถูกยกให้เป็น "ตึกแฝดพี่" ของ "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี" ว่ามีความเป็นมาอย่างไร?

ทำความรู้จัก ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนฯ-พระตะบอง ตึกแฝดพี่-แฝดน้อง

7 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี ได้รวบรวมข้อมูล "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี" ซึ่งตั้งอยู่ถนนปราจีนอนุสรณ์ ต.ท่างาม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ถูกบันทึกกว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2452 เป็นงานสถาปัตกรรมยุโรปยุคบาโรก ออกแบบและก่อสร้างโดยบริษัทโฮวาร์เออร์สกิน เป็นตึกเดี่ยว 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องลอนเล็ก กลางหลังคาสร้างเป็นรูปโดม เหนือยอดโดมมีเครื่องบอกทิศทางรูปไก่ทำด้วยโลหะ

ด้านหน้ามีมุขยื่นออกมา และมีระเบียงดาดฟ้า ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตึกของโรงพยาบาลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ภายนอกและภายในอาคารมีลวดลายปูนปั้นฝีมือประณีตบรรจงประดับอยู่ทั่วไป รวมถึงมีการทำช่องลมเป็นแผ่นไม้ฉลุลายอย่างสวยงาม วัสดุส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น กลอนประตู หน้าต่าง กระจกสี กระเบื้องปูพื้น ล้วนสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี
 

บริเวณด้านหน้าอาคารมีรูปเคารพปูนปั้น (ฝีมือช่างพื้นบ้าน) ปั้นเป็นรูปท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ยืนตรงเด่นเป็นสง่าให้ผู้ที่ผ่านไป-มา ได้ทำความเคารพ สักการะ ท่ามกลางต้นปาล์มสูง 2 ต้น ที่ขึ้นขนาบข้าง ลวดลายปูนปั้นประดับด้านนอกตึกด้วยความงดงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทำให้ตึกสไตล์ยุโรปโบราณหลังนี้ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. 2542

เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) สร้างอาคารหลังนี้ขึ้นมาเพื่อมุ่งหวังจะให้เป็นที่ประทับแรมอย่างสมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในการเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี จึงได้สร้างตึกใหญ่ขึ้นภายในบริเวณหมู่เรือนพักที่พักของท่าน (ซึ่งก็คือตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร) แต่พระองค์ท่านก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ถึงแก่อสัญกรรมและได้ใช้ตึกหลังนี้ตั้งบำเพ็ญกุศลเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ถือว่าได้ใช้ตึกนี้เพื่อเจ้าของอย่างแท้จริง

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ตกทอดมายังพระนางเจ้าสุวัทนาวรราชเทวี (พระมเหสีของรัชกาลที่ 6) ในปีพ.ศ.2480 พระนางเจ้าจึงประทานที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้มณฑลทหารบกที่ 2 ปราจีนบุรี ให้จัดเป็นสถานพยาบาลทหารและประชาชน ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้เจรจาขอตึกจากกระทรวงกลาโหมเพื่อสร้างเป็นโรงพยาบาลปราจีนบุรี และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และได้จารึกที่ตึกว่า "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร"

ภายหลังตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร และได้เปลี่ยนบทบาทจากสถานที่รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยมาเป็นการให้ความรู้ในฐานะพิพิธภัณฑ์แพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี

โดยที่แห่งนี้ได้ถือเป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการแพทย์ท้องถิ่น

ส่วนข้อมูล "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง" ตั้งในพื้นที่ย่านอาคารราชการดั้งเดิมของเมืองพะตะบอง จากข้อมูลประวัติการสร้างตึกหลังนี้ที่เขียนโดยนักวิชาการท้องถิ่นของพระตะบอง ระบุว่า "เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)" สร้างตึกหลังนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2447 (บ้างก็ว่าสร้างในปี 2448) โดยว่าจ้างช่างชาวอิตาลีมาเป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง

มีลักษณะเป็นตึกเดี่ยว 2 ชั้น หันหน้าออกถนน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปยุคบาโรก (Baroque : ประมาณช่วงคริสตศตวรรษที่ 17) ตัวอาคารมีลวดลายปูนปั้นประดับสวยงามทั่วบริเวณ เส้นสาย ลวดลายปูนปั้นประดับของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง ตึกหลังนี้เคยถูกใช้เป็นศาลากลางของเมืองพระตะบองมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง

"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง" : ขอบคุณภาพจาก : ภญ.ดร.สุภาพร ปิติพร

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง ถูกยกให้เป็น "ตึกแฝดพี่" ของ "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี" ความเหมือนในแง่ประวัติ คือ เป็นตึกที่สร้างโดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเหมือนกัน และท่านเจ้าพระยาฯ ไม่มีโอกาสได้พำนักเองเหมือนกัน แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ ตึกที่ปราจีนบุรีสร้างเพื่อรองรับการเสด็จประพาสของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่ที่พระตะบองสร้างเพื่ออาศัยเอง หากยังสร้างไม่เสร็จก็ต้องเดินทางไปปราจีนบุรี

ความเหมือนด้านสถาปัตยกรรม ท่านเจ้าพระยาฯ ได้นำโครงสร้างแบบพระตะบองมาใช้ คือ เป็นอาคารปูน 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มีประตูทางเข้าตรงกลาง มีระเบียงยื่นออกมาบนชั้นสอง ลักษณะตามแบบศิลปะยุคบารอก แม้สีตัวเรือนสีเหลืองยังเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันก็มีตรงส่วนกลางของหลังคา ตึกที่ปราจีนบุรีเป็นโดม แต่ที่พระตะบองเป็นหน้าจั่ว ลายปูนปั้นตามขอบหน้าต่างด้านนอกที่ปราจีนบุรีจะมี แต่ที่พระตะบองไม่มี ส่วนด้านใน บันไดที่ปราจีนบุรีมีทั้งฝั่งซ้ายและขวา แต่ที่พระตะบองมีแค่ฝั่งซ้าย ลายกระเบื้องแตกต่าง และลายบนเพดานที่พระตะบองไม่มีปรากฏ

"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง" : ขอบคุณภาพจาก : ภญ.ดร.สุภาพร ปิติพร
"ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร พระตะบอง" : ขอบคุณภาพจาก : ภญ.ดร.สุภาพร ปิติพร

ด้าน "พายุ เนื่องจำนงค์" อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ใน X (ทวิตเตอร์) ว่า ขออนุญาตนำคำชี้แจงของ คุณตรีดาว อภัยวงศ์ มาแชร์ หลังจากที่ได้มีการสอบถามและนำมาโพสใหม่ทางเฟซบุ๊กโดย อาจารย์อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ กรณีบ้านของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ต้นตระกูล อภัยวงศ์) ที่ถูกนำมากล่าวอ้างว่าเป็นบ้านที่เคยพักอาศัยของคุณยายของคุณพิธาโดยทางคุณตรีดาวได้ชี้แจงมาเป็นข้อๆ ดังนี้

เรื่องคุณพิธา กับคำกล่าวที่ว่า #บ้านเก่าคุณยาย "My grandmother used to live in this house almost 1 century ago" และถ่ายภาพตึกที่เป็นของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ต้นตระกูล "อภัยวงศ์" ทำเอา 2 วันนี้ ตรีดาวและญาติๆ ชุลมุนกันมากว่าจะตอบคำถามที่มีคนมาถามว่า "เป็นญาติกันหรอ อย่างไร สายไหน" เลยขออธิบายแบบนี้นะคะ

1. คุณยายคุณพิธา ชื่ออะไร นามสกุลเดิมอะไร ถ้าทราบก็พอจะเชื่อมโยงได้ เนื่องจากตอนนี้หากัน(ยัง)ไม่เจอ ไม่มีใครรู้จักคุณพิธา

2. คุณยายเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ด้วยสถานะอะไร?

3. เนื่องจากตึกนี้ถูกรัฐบาลกัมพูชา ในปกครองของฝรั่งเศสยึดไปตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนไทยต้องยอมเสียมณฑลบูรพา อันได้แก่ พระตะบอง เสียมราช ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศสในสงคราม รศ 112 (พ.ศ. 2436)

4. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) อพยพครอบครัวกลับมาอาศัยที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2450 โดยยังไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ท่านยอมกลับมาเพราะไม่ต้องการเป็นข้ารับใช้ฝรั่งเศส คนในตระกูลอภัยวงศ์ ได้รับการสั่งสอน อบรม ให้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์มาทุกชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและวางพระราชหฤทัยส่งให้บรรพบุรุษของตระกูลไปปกครองเมืองพระตะบองจนถึงสมัยที่ไทยต้องเสียดินแดนส่วนนี้ไป

5. ช่วงสงครามอินโดจีน (ระหว่างปี 2484-2489) ไทยได้ดินแดนส่วนนี้ คืนมานายควง อภัยวงศ์ บุตรชายของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย นำธงชาติไทยกลับไปชักขึ้นเหนือดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเอง จากนั่นรัฐบาลไทยส่งนายเชียด อภัยวงศ์ หลานของเจ้าพระยาฯ ไปเป็นผู้แทน ซึ่งระหว่างนั้น นายเชียด และครอบครัว ได้กลับไปใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่ทำการอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ทรุดโทรมมาก (ภายหลังได้รับการบูรณะจากรัฐบาลกัมพูชา และเปิดใช้สำหรับต้อนรับแขกเมืองเท่านั้น)

6. สมัยสงครามอินโดจีน เรามีผู้แทนราษฎร จังหวัดพระตะบอง ชื่อ นายชวลิต อภัยวงศ์ และนายประยูร อภัยวงศ์ เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดพิบูลสงคราม (เสียมราชในปัจจุบัน) ทั้งสองจังหวัด อยู่ในประเทศไทย

7. ถ้าคุณยายคุณพิธา อาศัยในบ้านหลังนี้ช่วง 100 ปีที่แล้ว น่าจะรู้จักกับญาติๆ อภัยวงศ์ ที่ไปเป็นผู้แทน และทำงานให้บ้านเมืองในเวลานั้น

8. แม้คนในตระกูลจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า คุณยายของคุณพิธา จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้

9. หากคุณยาย ของคุณพิธา เคยอยู่ที่นี่ และเรียกว่าเป็นบ้านของคุณยาย เราก็มีเหตุให้สงสัยว่า คุณยายเป็นใครกัน หรือพวกเราจะไม่รู้เอง คงต้องรอให้คุณพิธามาอธิบายเชื่อมโยงให้คนในตระกูลฟังซะแล้ว (หากมีอะไรคลาดเคลื่อนไปก็คงเป็นความเขลาหรือไม่รู้ของอีชั้นเองค่ะ)



ขอบคุณข้อมูล : จังหวัดปราจีนบุรี, โพสต์ทูเดย์
ขอบคุณภาพ : Supaporn Pitiporn , มานิตย์ สนับบุญ ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี