
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เกิดวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 ที่ กัสท์โฮฟซุมพ็อมเมอร์ (Gasthof zum Pommer) โรงแรมแห่งหนึ่งใน รันส์โฮเฟิน (Ranshofen) หมู่บ้านซึ่งถูกรวมเข้ากับเทศบาลเบราเนาอัมอิน (Braunau am Inn) จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จากนั้นเมื่ออายุได้สามขวบ ครอบครัวของเขาย้ายไป พัสเซา เยอรมนี
ขณะที่ยังเป็นเด็ก ฮิตเลอร์ เริ่มติดการสงคราม หลังพบหนังสือภาพเกี่ยวกับสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ซึ่งฮิตเลอร์ เริ่มหลงใหลในลัทธิชาตินิยมเยอรมันตั้งแต่เยาว์วัย แสดงความภักดีต่อเยอรมนีเท่านั้น โดยเหยียดหยามราชวงศ์ฮาพส์บวร์คที่กำลังเสื่อมลง รวมถึงการปกครองของราชวงศ์เหนือจักรวรรดิที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ
นอกจากนี้ ฮิตเลอร์ และเพื่อนของเขาใช้คำทักทายภาษาเยอรมัน "ไฮล์" และร้องเพลงชาติเยอรมัน "เยอรมันเหนือทุกสรรพสิ่ง" แทนเพลงชาติจักรวรรดิออสเตรีย
ฮิตเลอร์ กับ สงครามโลกครั้งที่ 1
เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฮิตเลอร์ สมัครเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เขาได้รับการตอบรับในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1914 ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นผลมาจากความปล่อยปละละเลยทางธุรการ เพราะเขายังเป็นพลเมืองออสเตรีย เขาถูกจัดไปยังกรมทหารราบกองหนุนบาวาเรีย 16 ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลนำสารส่งแนวรบด้านตะวันตกในฝรั่งเศสและเบลเยียม ใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งอยู่หลังแนวหน้า เขาเข้าร่วมในยุทธการอีเปอร์ครั้งที่หนึ่ง, ยุทธการที่แม่น้ำซอม ยุทธการที่อารัส และยุทธการพัสเชนแดเลอ และได้รับบาดเจ็บที่แม่น้ำซอม
ฮิตเลอร์ ได้รับเชิดชูเกียรติสำหรับความกล้าหาญ ได้รับกางเขนเหล็กชั้นที่สอง ใน ค.ศ. 1914 โดยการแนะนำของ ฮูโก้ กัทมันนท์ เขาได้รับกางเขนเหล็กชั้นที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1918 อิสริยาภรณ์ซึ่งน้อยครั้งนักจะมอบให้แก่ทหารชั้นผู้น้อยเช่นพลทหารอย่างเขา
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยุติ เยอรมันพ่ายสงคราม ฮิตเลอร์ กลับมายังมิวนิก เขาพยายามอยู่ในกองทัพให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่การข่าว มีอำนาจบังคับทหารอื่นและเพื่อแทรกซึมพรรคกรรมกรเยอรมัน (DAP) ระหว่างที่เขาเฝ้าติดตามกิจกรรมของพรรค DAP ฮิตเลอร์ถูกดึงดูดโดยแนวคิดต่อต้านยิว ชาตินิยม ต่อต้านทุนนิยม และต่อต้านมากซิสต์ของอันโทน เดร็คส์เลอร์ ผู้ก่อตั้งพรรค
เดร็คส์เลอร์ สนับสนุนรัฐบาลที่มีศักยะแข็งขัน สังคมนิยมรุ่นที่ "ไม่ใช่ยิว" และความสามัคคีท่ามกลางสมาชิกทั้งหมดของสังคม ด้วยความประทับใจกับทักษะวาทศิลป์ของ ฮิตเลอร์ ในที่สุด เดร็คส์เลอร์ ได้เชิญเขาเข้าร่วมพรรคกรรมกรฯ เมื่อปี 1919 ฮิตเลอร์ยอมรับอย่างมากกระทั่งก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1923 ฮิตเลอร์ พยายามก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล ซึ่งเรียกว่าเหตุการณ์ "กบฏโรงเบียร์" การปฏิบัติการที่ล้มเหลว ถูกตัดสินโทษจำคุก 5 ปี แต่ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในอีก 1 ปีถัดมา
ฮิตเลอร์ กลายมาเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากประชาชน จากการปราศรัยโจมตีสนธิสัญญาแวร์ซายส์และส่งเสริมลัทธิเยอรมันนิยม
เส้นทางการเมืองของ ฮิตเลอร์
ค.ศ. 1932 ฮิตเลอร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แข่งกับ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค เขาได้รับการสนับสนุนจากนักอุตสาหกรรมที่ทรงอำนาจที่สุดของเยอรมนีหลายคน หลังสุนทรพจน์วันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1932 ต่อสภาอุตสาหกรรมในดึสเซลดอร์ฟ โดย ฮินเดินบวร์ค ได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาตินิยม กษัตริย์นิยม คาทอลิก และสาธารณรัฐนิยม ตลอดจนสังคมประชาธิปไตยบางพรรค
ฮิตเลอร์ ใช้คำขวัญระหว่างหาเสียงว่า "ฮิตเลอร์อือแบร์ดอยท์ชลันด์" มีความหมายว่า ฮิตเลอร์เหนือเยอรมนี โดยอ้างถึงทั้งความทะเยอทะยานทางการเมืองและการหาเสียงโดยเครื่องบินของเขา
ฮิตเลอร์ ได้รับการเลือกมาเป็นอันดับสองในการเลือกตั้งทั้งสองรอบ โดยได้เสียงมากกว่า 35% ในการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย แม้จะพ่ายต่อ ฮินเดินบวร์ค การเลือกตั้งครั้งนี้ได้ทำให้ฮิตเลอร์เป็นกำลังสำคัญในการเมืองเยอรมนี
การขาดรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพทำให้นักการเมืองทรงอิทธิพลสองคน ฟรันทซ์ ฟ็อน พาเพิน และ อัลเฟรด ฮูเกนแบร์ก ตลอดจนนักอุตสาหกรรมและนักธุรกิจหลายคน เขียนจดหมายถึงฮินเดินบวร์ค ผู้ลงนามกระตุ้นให้ ฮินเดินบวร์ค แต่งตั้ง ฮิตเลอร์เป็น นายกรัฐมนตรี หรือ หัวหน้ารัฐบาล ที่เป็นอิสระจากพรรคการเมืองในรัฐสภา ซึ่งอาจแปรเปลี่ยนเป็นขบวนการซึ่งอาจสร้างความยินดีแก่ประชากรหลายล้านคน
ฮินเดินบวร์ค ตกลงแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เต็มใจ หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปอีกสองครั้ง คือ ในเดือนกรกฎาคมและพฤศจิกายน ค.ศ. 1932 ไม่มีพรรคใดจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้
ฮิตเลอร์จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลผสมช่วงสั้น ๆ จัดตั้งโดยพรรคนาซีและพรรคประชาชนแห่งชาติเยอรมัน (DNVP) ของฮูเกนแบร์ก โดยวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 คณะรัฐมนตรีชุดใหม่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งระหว่างพิธีการที่กระชับและเรียบง่ายในสำนักงานของฮินเดินบวร์ค พรรคนาซีนั่งเก้าอี้สามจากสิบเอ็ดตำแหน่ง ฮิตเลอร์ เป็นนายกรัฐมนตรี แฮร์มัน เกอริง เป็นรัฐมนตรีลอย และวิลเฮล์ม ฟริค เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
ในปี 1934 ประธานาธิบดีฮินเดินบวร์กถึงแก่อสัญกรรม ทำให้ฮิตเลอร์ได้ครองอำนาจประมุขแห่งรัฐและรัฐบาล โดยเขามีเป้าหมายที่จะกำจัดชาวยิวออกจากเยอรมนีและจัดตั้งระเบียบโลกใหม่ เพื่อต่อต้านกฎระเบียบระหว่างประเทศช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเขามองว่าไม่เป็นธรรมและถูกครอบงำจากอังกฤษและฝรั่งเศส
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : วิกิพีเดียร์ Adolf Hitler