ใช้ "AI" นำรูปคนสร้างสื่อลามก กำลังเป็นปัญหาใหญ่ ตร. เตือนโทษหนัก อย่าหาทำ

ปัจจุบันมีการใช้  "AI" (Artificial Intelligence) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้มีการพัฒนา และเพิ่มความง่ายในการเข้าถึง ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำให้กลายเป็น "ดาบสองคม" ที่กลุ่มคนหรือกลุ่มมิจฉาชีพ นำเจ้า "AI" มาใช้ในการสร้างเนื้อหาปลอมขึ้นมา  เพื่อใช้ในการฉ้อโกง หรือสร้างความเสียหาย 

หนึ่งในปัญหาที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในขณะนี้คือ การนำ "AI" สร้างสื่อลามกปลอม ด้วยการนำภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักร้อง นักแสดง ต่าง ๆ ตลอดจนบุคคลทั่วไป มาใช้เป็นใบหน้าตัวอย่าง ให้  "AI" นำไปสร้างภาพคลิป หรือภาพลามก ที่ปรากฏหน้าของบุคคลดังกล่าวขึ้น จากนั้นนำไปเผยแพร่ หรือขาย ผ่านช่องทางต่าง ๆ 
 

Nation Story จะพาไปรู้จัก "AI" เจ้าปัญหา ที่ใช้สร้างภาพโป๊ปลอม รวมถึงโทษทัณฑ์หากมีการนำมาใช้งาน บอกเลยว่า โทษหนักไม่ธรรมดาแน่นอน........
 

การ "AI" เพื่อนำมาใช้ผลิตสื่อลามก จากภาพใบหน้าของบุคคลอื่น ที่พบบ่อยมากที่สุดในปัจจุบัน ตามสื่อโซเชียลมีเดีย คือ "Nudify" โดย Nudify หรือ DeepNude ซึ่งถูกเล่นคำมาจากคำว่า DeepFake คือ การใช้ "AI" ลบเสื้อผ้าของผู้หญิง (หรือผู้ชาย)  หรือโปรแกรมที่วิเคราะห์ใบหน้า , ท่าทางและเสียงของบุคคลนั้น ๆ แล้วสร้างคลิปปลอมขึ้นมา จากภาพถ่ายธรรมดาคนคนหนึ่ง กลายเป็นภาพโป๊เปลือยกาย หรือภาพอนาจารปลอม ถูกส่งต่อและเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เกิดความเข้าใจผิด และนำไปสู่อาชญกรรม รูปแบบอื่นๆ ต่อไปได้ โดยคลิปที่โด่งดัง อาทิ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก , ดอนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำโลกรายอื่นๆ รวมถึง ดาราชื่อดัง

โดย DeepNude ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 62 แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เพราะการใช้งานที่ยาก แต่เทคโนโลยีปัจจุบัน มีความเพรียบพร้อมมากขึ้น จึงทำให้การใช้ "AI" ลบเสื้อผ้า เป็นเรื่องง่าย

 

อะไรที่ทำให้ AI ลบเสื้อผ้า มีความน่ากลัว? 

ปี 2022-2023 เป็นปีที่  AI ถูกทำให้ง่ายขึ้นและแพร่หลาย อย่าง ChatGPT และ AI สร้างภาพ จนกลายเป็น Generative AI ที่รังสรรค์รูปต่าง ๆ จากตัวหนังสือได้อย่างสวยงาม กับตกไปเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีในการใช้ AI ลบเสื้อผ้า

สิ่งที่น่ากลัวของ AI ลบเสื้อผ้า คือ รูปที่เราใส่เสื้อผ้ามิดชิด ก็สามารถถูกนำมาทำเป็นรูปโป๊เปลือยจาก AI ลบเสื้อผ้าได้ และหากคนร้ายสามารถเข้าถึงญาติหรือพ่อ-แม่ของผู้เสียหาย ก็สามารถนำไปหลอกลวงว่า  มีรูปหลุดของผู้เสียหาย และเรียกค่าไถ่จากรูปปลอม ๆ ที่ AI ลบเสื้อผ้า สร้างขึ้นได้ ซึ่งมันมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจริง จน FBI ของสหรัฐฯ ต้องออกโรงเตือนมาแล้ว

ขณะที่ผลจากการวิจัยโดย บริษัท Graphika ผู้วิเคราะห์เครือข่ายโซเชียลมีเดียได้ระบุไว้ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2023 ที่ผ่านมา จำนวนลิงก์โฆษณาแอปพลิเคชันเปลื้องผ้า หรือที่เรียกว่า "Nudify" มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่า 2,400 เปอร์เซ็นต์ ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นภัยอาชญกรรมอย่างหนึ่ง ที่ประชาชนควรพึงระวังเป็นพิเศษ

เปิดโทษการใช้ AI สร้างสื่อลามกอนาจารปลอม 

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า "ผบ.ตร." พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้ หลังที่ผ่านมา พบบรรดาศิลปินและผู้มีเชื่อเสียงจำนวนมากเข้าแจ้งความจากกรณีดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สรุปความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ที่ผลิต เผยแพร่ และส่งต่อสื่อลามกปลอมที่สร้างด้วย AI จะเข้าข่ายความผิดทางอาญา 6 ฐานความผิด ตามกฎหมายดังต่อไปนี้

1. ความผิดฐาน “หมิ่นประมาท” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

2. ความผิดฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

3. ความผิดฐาน “ผลิต มีไว้ ซึ่งสื่อลามก เพื่อการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287(1)

4. ความผิดฐาน “โฆษณาหรือไขข่าวว่าจะหาสื่อลามกได้จากบุคคลใด หรือวิธีการใด” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287(3)

5. ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” - ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(4) หรือ มาตรา 14(5) แล้วแต่กรณี

6. ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย” – ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 16 

นอกจากความผิดทางอาญา ที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผู้เสียหายที่ถูกนำภาพมาใช้ เป็นภาพใบหน้าของบุคคลในสื่อลามกดังกล่าว ยังสามารถฟ้องเรียก “ค่าสินไหมทดแทน” จากผู้ที่กระทำ “ละเมิด” ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 อีกด้วย 
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนมายังพี่น้องประชาชน ที่นำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นสนุก หรือหยอกล้อผู้อื่น รวมไปถึงผู้ที่ผลิตหรือพัฒนา AI เพื่อนำมาใช้ผลิตสื่อลามกจากภาพใบหน้าของบุคคลอื่น เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ให้หยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าวทันที เพราะการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย และต้องระวางโทษสูงสุดถึง จำคุก 5 ปี และ ปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท 

ส่วนผู้ที่คิดจะซื้อสื่อลามกของบุคคลมีชื่อเสียง ก็อาจถูกหลอกจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้  AI สร้างสื่อลามกดังกล่าวอีกด้วย

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

AI เสมือนเหรียญ 2 ด้าน ต้องเรียนรู้-ปรับตัว 

นายสุนิตย์ เชรษฐา ผู้อำนวยการสถาบันเชนจ์ฟิวชั่น ผู้วิจัยเรื่อง AI กับข้อมูลข่าวสาร กล่าวใน เวทีนักคิดดิจิทัล Digital Thinkers Forum ครั้งที่ 26 เราจะใช้ AI อย่างไร ให้สร้างสรรค์และปลอดภัย ที่จัดโดย สสส. - โคแฟค ระบุว่า มีผู้ใช้ซอฟแวร์ AI เพื่อสร้างข่าวลวงหรือข้อมูลที่ไม่จริง เพื่อกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงภาพ และวิดีโอปลอมที่ได้รับความสนใจมากกว่าข่าวจริง

ซึ่งความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจาก AI 1.การขยายตัวของปริมาณและคุณภาพของเนื้อหาลวงรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และสามารถชักจูงให้เชื่อได้มากขึ้น 2.คนมีความเชื่อถือต่อสื่อและข้อมูลลดลง 3.ปรากฏการณ์เอื้อประโยชน์ให้คนโกหก 4.สร้างความเกลียดชังในสังคม 5.เกิดปรากฏการณ์ AI หลอนหรือมโน ทั้งข้อมูลไม่ถูกต้อง อันตรายต่อชื่อเสียงคนดัง หรือตบทรัพย์ ปัจจุบันนอกจากบริษัทแล้ว รัฐบาลทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีนเห็นความสำคัญ พยายามพัฒนากลไกและกฎหมายระบบตรวจสอบการใช้งานของ AI ว่าเหมาะสม โปร่งใส ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ


ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งโคแฟค กล่าวว่า ผลกระทบของข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีที่มีต่อพลเมืองในยุคดิจิทัล มีทั้งในแง่สุขภาวะ ความรู้ ความเข้าใจ ความถูกต้อง ไม่ถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร เนื้อหาที่ส่งผลกระทบในด้านลบ ซึ่งวิธีการจัดการรับมือกับข่าวลวง โดยเฉพาะในยุคที่ต้องเรียนรู้ร่วมกับ AI ทั้งด้านบวกและด้านลบ ต้องสร้างการมีส่วนร่วมกระตุ้นให้สังคมได้เห็นความสำคัญกับการป้องกันและสร้างทักษะรู้เท่าทันอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายแก้ไขปัญหาตรงจุด


ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.antifakenewscenter.com/
http://www.realnewsthailand.net/
https://brickinfotv.com/
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ