อ.เจษฎา ปล่อยโพสต์แรง เศรษฐกิจไม่ดี บั้งไฟพญานาคปีนี้ เหลือแค่หลักสิบ!!

เป็นอีกโพสต์ของ อ.เจษฎ์ หรือ Jessada Denduangboripant  (อาจารย์เจษฎ์) ที่ทำเอาบรรดาพี่น้องชาวเน็ต ชาวโซเชียลรีบเข้ามาส่องกันเนืองแน่น สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา  ซึ่งตรงกับ "วันออกพรรษา" ประชาชนทางฝั่งภาคอีสานและบรรดานักท่องเที่ยว ที่มีความเชื่อในเรื่องของ "พญานาค" ที่ต่างตั้งใจมาร่วมชมและตั้งใจเฝ้ารอชมอย่างใจจดจ่ออยู่ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงเป็นปนะจำทุกปี เพื่อเฝ้าดู "ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค" ที่ริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย 

งานประเพณีออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลก 2566 จัดขึ้นที่ลานนาคาเบิกฟ้า 1 หน้าวัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิด ขณะที่ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ได้ร่วมกับนางรำ จำนวน 1 พันคน รำบวงสรวงพญาพิสัยนาคราชอย่างยิ่งใหญ่

 

โดยในปีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บั้งไฟลูกแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.00 น. ที่บ้านต้อน อ.รัตนวาปี จำนวน 29 ลูก  หลังจากนั้นก็มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกระจายในหลายจุด อาทิบริเวณบ้านตาลชุม , บ้านเปงจานเหนือ อ.รัตนวาปี, ที่วัดไทย อ.โพนพิสัย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นับตั้งแต่มีบั้งไฟพญานาคลูกแรกปรากฎเกิดขึ้นจนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นทั้งหมด 61 ลูก (อย่างไม่เป็นทางการขึ้นเพียง 61 ลูก ดูไม่เยอะเท่าปีก่อนๆ) นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีบั้งไฟพญานาคให้เห็นไปจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น.

ที่ทำเอาโลกโซเชียลแชร์กระจาย เมื่อทางด้าน อ.เจษฎา หรือ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้แชร์ภาพบั้งไฟพญานาค พร้อมโพสข้อความช็อตฟีลขั้นสุด โดยมีใจความระบุว่า

"เทศกาลยิงกระสุนส่องวิถีชัดๆ ทฤษฎีเรื่องแก๊สพุ่งจากน้ำ มันมั่วครับ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบนั้นได้ 
สื่อก็เลิกพูดตามๆ กันดีกว่าครับ ยอมรับมาเถอะ ว่ามันแค่กระสุนส่องวิถี ยิงขึ้นจากฝั่งลาวชัดๆ"
  

นอกจากนี้ อ.เจษฎา ได้ส่งข้อความทิ้งท้ายไว้ด้วยอีกว่า 

"ปีนี้ ยิงกันน้อยลงเยอะครับ จากหลักร้อยเหลือแค่หลักสิบนัดเอง สงสัยเศรษฐกิจไม่ดี"

ขณะที่ข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่อ้างอิงมาจาก PR.Nongkhai สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย ได้สรุปยอดบั้งไฟพญานาคประจำปี 2566 ไว้ดังนี้ อำเภอรัตนวาปี รวม 243 ลูก อำเภอโพนพิสัย รวม 46 ลูก รวมแล้ว 289 ลูก

อำเภอรัตนวาปี รวม 243 ลูก ได้แก่

1. จุดชมบ้านน้ำเป หมู่ที่ 1 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.35 น. จำนวน 14 ลูก

2. จุดชมบ้านท่าม่วง สถานีเรือรันวปี หมู่ที่ 2 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.35 น. จำนวน 14 ลูก

3. จุดชมบ้านตาลชุม หมู่ที่ 3 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.35 น. จำนวน 14 ลูก

4. ชุดชมบ้านหนองแก้ว หนองแก้วเหนือ หมู่ที่ 4, 12 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 9 ลูก

5. จุดชมบ้านโพนแพง บ้านอาญา หมู่ที่ 1, 2 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 19 ลูก

6. จุดชมบ้านเปงจาน บ้านโนนโพธิ์ทอง หมู่ที่ 8, 13 ตำบลรัตนวาปี เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 26 ลูก

7. จุดชมบ้านต้อนน้อย หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านต้อน เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 37 ลูก

8. จุดชมบ้านต้อนใหญ่ หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านต้อน เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 41 ลูก

9. จุดชมบ้านเปงจานนคร หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านต้อน เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.40 น. จำนวน 25 ลูก

10. จุดชมบ้านดงมดแดง (หนองคอน) หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านโพนแพง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.46 น. จำนวน 33 ลูก

11. จุดชมบ้านดงดาล (สะพานบ้านดงดาล) หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านโพนแพง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.46 น. จำนวน 11 ลูก

อำเภอโพนพิสัย รวม 46 ลูก ได้แก่

1. จุดบ้านแดนเมือง หมู่ที่ 3 ตำบลวัดหลวง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.30 น. จำนวน 2 ลูก

2. จุดบ้านวัดหลวง หมู่ที่ 2 ตำบลวัดหลวง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 19.00 น. จำนวน 2 ลูก

3. หน้าวัดไทย ลานเบิกฟ้า หมู่ที่ 1 ตำบลจุมพล เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.10 น. จำนวน 5 ลูก

4. จุดบ้านเวิน หมู่ที่ 3 ตำบลจุมพล เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.10 น. จำนวน 9 ลูก

5. จุดบ้านเดื่อ หมู่ที่ 4 ตำบลจุมพล เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.30 น. จำนวน 9 ลูก

6. จุดบ้านหนองกุ้งใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลกุดบง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.10 น. จำนวน 15 ลูก

7. จุดบ้านหนองกุ้งเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลกุดบง เวลาที่เกิดบั้งไฟ 18.20 น. จำนวน 3 ลูก

ส่วนปี 2564 จากข้อมูลที่แต่ละอำเภอรายงานมา จ.หนองคาย อย่างไม่เป็นทางการ มี 'บั้งไฟพญานาค' เกิดขึ้นทั้งหมดจำนวน 615 ลูก 

"คำอธิบายทางดาราศาสตร์ ถึงการเกิด "บั้งไฟพญานาค" ว่าทำไมถึงน่าจะเป็นฝีมือมนุษย์"

สรุปสั้นๆ คือ การที่บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นใน "วันออกพรรษา" นั้น เป็นสิ่งที่ตรงกับการกำหนดวันสำคัญขึ้นมาโดยมนุษย์ ตามปฏิทิน "สุริยจันทรคติ" ซึ่งไม่ได้เป็นวันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ .... และถ้ามีแต่มนุษย์ที่รู้จักวันออกพรรษา ก็ย่อมมีแต่มนุษย์ ที่ทำให้เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นได้ครับ

- เหตุการณ์การเกิดบั้งไฟพญานาคนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงฤดูกาลเดิมและเฟสดวงจันทร์เดิมของทุกปี แต่เกิดขึ้นในวันเดียวกันตามปฏิทินสุริยจันทรคติ แบบปฏิทินพุทธไทยเถรวาท ที่เราใช้กัน ซึ่งเป็นปฏิทินที่มีการนับเดือนตามดวงจันทร์ แต่มีการชดเชยวันที่หายไป ในทุกๆ ปี เพื่อให้เดือนเดิมกลับมาตรงกับปีในสุริยคติทุกครั้ง โดยในปี "อธิกมาส" นี้จะมีการเพิ่มเดือน8 ซ้ำ 2 ครั้ง ทำให้วันสำคัญทางศาสนา เช่น วันออกพรรษา หรือวันลอยกระทง ไม่ได้เกินขึ้นในวันเดียวกันของทุกปี

- ทำให้มีหลายครั้ง ที่ "บั้งไฟพญานาค" ไม่ได้เกิดขึ้นในคืนที่จันทร์เต็มดวงที่สุด (15 ค่ำ เดือน 11) แต่กลับเกิดขึ้นในคืนหลังจากนั้น ... ซึ่งมีแต่เพียงมนุษย์เท่านั้น ที่ทราบว่า วันออกพรรษาที่กำหนดขึ้นนั้น จะเป็นวันที่เท่าไหร่กันแน่ ดังนั้น ถ้ามันเกิดขึ้นเฉพาะใน "วันออกพรรษาที่มนุษย์กำหนด" มันก็น่าจะมาจากเงื้อมมือของมนุษย์อย่างแน่นอน

โดย อ.เจษฎ์

ขณะที่ตำนานระบุว่า 'บั้งไฟพญานาค'

ลักษณะของ 'บั้งไฟพญานาค' เป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น จะเริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อยๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ

ตำนานและความเชื่อ

เดิมที พญานาค อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล มีนิสัยดุร้าย ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสศาสนาพุทธ เลิกนิสัยดุร้าย และคิดบวช แต่ก็ติดที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาค จึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา (3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยความนี้เมื่อรู้ถึง พญานาค ที่อยู่เมืองบาดาล จึงเกิด 'บั้งไฟพญานาค' และยังว่า ตราบเท่าที่ความเชื่อและศรัทธาของชาวบ้านเกี่ยวกับพญานาคยังคงอยู่ คนอื่นๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ก็ควรยึดหลัก "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่"

อ้างอิงข้อมูล : วิกิพีเดีย

ขอขอบคุณที่มา: อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ 

ขอขอบคุณที่มา : PR.Nongkhai สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย