
11 ตุลาคม 2566 ที่ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากพี่น้องประชาชน ที่เดินทางมาสักการะทำบุญ และท่องเที่ยว ภายในงานประจำปี ครบรอบ 77 ปี วันคล้ายวันมรณภาพ พระครูวรเวทมุนี หรือ หลวงพ่ออี๋ อดีตเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งงานจัดขึ้น 7 วัน 7 คืน ระหว่างวันที่ 6 – 12 ต.ค. 66
แต่ปรากฎว่า ภายในงานบนถนนเส้นทางหลัก ที่มีผู้คนเดินไปมาพลุกพล่าน พบมีขอทานจำนวนมาก นับสิบราย มานั่งนอนขวางถนน ขอเงินจากผู้ใจบุญ เหมือนขอทานเหล่านี้ มาประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุไม่ถึง 10 ขวบ และเด็กทารกแรกเกิด ซึ่งมีอายุเพียงไม่กี่เดือน ไม่มีผู้ปกครองมาคุม ตลอดจน คนพิการ ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็มานั่งเลี้ยงเด็กวัยแรกเกิด ลักษณะคล้ายจัดแสดง สร้างความเวทนาเรียกความสงสาร และความเมตตาจากผู้ใจบุญ
ทั้งนี้ มีประชาชนบางราย สละเงินทำบุญให้กับเหล่าขอทาน โดยไม่ได้คิดอะไร คิดแต่เพียงว่า สงสารเด็กและคนแก่ แต่ส่วนใหญ่กับเห็นว่า ไม่ควรปล่อยให้ขอทาน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ และเชื่อว่า ขอทานเหล่านี้ น่าจะมาเป็นกลุ่มแก๊งจากที่เดียวกัน มีผู้นำมาปล่อยให้เร่ร่อนขอทาน อยู่ภายในงานวัด
จึงขอให้สื่อช่วยเป็นกระบอกเสียง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการเห็นภาพเด็กที่อายุยังน้อย ในวัยกำลังกินนอน ควรได้พักผ่อน ไม่ใช่ถูกมาบังคับใช้แรงงานหาเงิน ด้วยการมาขอทาน ตั้งแต่ช่วงเย็น ยันมืดค่ำดึกดื่นเช่นนี้อีก
ต่อมาหลัง พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมจับกุม ได้ขอทานชายหญิงหลายประเภท อาทิ คนแก่ คนพิการ เด็กเยาวชน ทารก แบ่งเป็นครอบครัวชาวไทย 4 ราย ชาวกัมพูชา 5 ราย (พ่อแม่และลูกเล็ก 3 คน) โดยทั้งหมดได้กางเต็นท์อาศัยอยู่รวมที่เดียวกัน บริเวณศาลาอเนกประสงค์ของวัด
มี นายสายชล สงวนนามสุกล อายุ 52 ปี หนึ่งในกลุ่มที่ถูกจับเป็นผู้ดูแล จึงได้ควบคุมตัวไปยัง สภ.สัตหีบ เปรียบเทียบปรับ และหากสอบสวนจนทราบแน่ชัด มีผู้ควบคุมกำกับแสวงหาประโยชน์กับขอทาน หรือเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป