27 พฤษภาคม 2566 จับแก๊งขอทานเขมร ใช้เด็กขอทานหาเงิน โดย พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา , พ.ต.ท.พระเนียง พรมมี รอง ผกก.2 บก.ปคม. และกำลังเจ้าตำรวจ ปคม. , เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางละมุง , เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา สนธิกำลังกว่า 50 นาย บุกเข้าตรวจสอบและจับกุมกลุ่มคนต่างด้าว ได้ผู้ต้องหารเป็นกลุ่มคนต่างด้าวชาวกัมพูชา แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 19 คน เด็ก 18 คน รวมทั้งสิ้น 37 คน
ดำเนินคดีกระทำความผิดฐานบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็กเร่ร่อน หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน หรือการกระทำผิด หรือกระทำด้วยประการใด อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก
จุดแรก ภายในซอยสุขวิทพัทยา 7 ม.8 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบบ้านปลูกเป็นเพิงสังกะสี 2 หลัง มีรั้วล้อมทำจากสังกะสี หลังแรกพบบุคคลตามหมายจับเป็นหญิงชาวกัมพูชา 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ่านหมายจับ พร้อมแสดงภาพบุคคล ซึ่งยืนยันว่าเป็นตัวเองจริง ทั้งยังพบเด็กอีก 5 คน อายุประมาณ 1-8 ขวบ
โดยในบ้านหลังที่สองพบชาวกัมพูชา เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และเด็ก 2 คน ตรวจสอบไม่พบเอกสารแสดงตัวบุคคล พาสปอร์ต จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปยังสภ.บางละมุง
จุดที่สอง ที่บ้านพรพิมล ภายในซอยนาเกลือ 14 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 หลัง ตรวจสอบมีครอบครัวชาวกัมพูชาอยู่รวมกัน เป็นผู้ใหญ่ 16 คน เด็กอายุตั้งแต่แรกเกิด - 8 ขวบ จำนวน 11 คน และอุปกรณ์ใช้ขอทาน เป็นแก้ว ขัน และเหรียญจำนวนมาก ตรวจสอบทั้งหมดไม่พบเอกสารแสดงตัวบุคคล
เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับ 5 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 3 คน ซึ่งยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจริง หนึ่งในนั้นทราบชื่อคือ นายโอ อายุ 27 ปี ให้การอ้างว่า ไม่ได้มีอาชีพขอทาน แต่ทำงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ และบอกว่าหลังจากกลุ่มขอทานหาเงินมาได้ บางคนก็จะเอามาเล่นไพ่กัน
เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มขอทานเหล่านี้ลักลอบเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายตามช่องทางต่างๆ แล้วจะอุ้มเด็กไปนั่งตามจุดต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ มานั่งขอทาน ขอเศษเงินจากความสงสารของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว รายได้วันละไม่ต่ำกว่า 300-1,000 บาท
ทั้งนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจังหวัดชลบุรี เพื่อคัดแยก ทำประวัติแต่ละบุคคล พร้อมตรวจหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหว่างตัวผู้ใหญ่ที่อ้างเป็น พ่อ แม่ ว่ามีความสัมพันธ์กันจริงหรือไม่ หากไม่มีก็จะเข้าข่ายค้ามนุษย์ได้ ก็จะต้องสืบสวน สอบสวนขยายผล แล้วแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเพิ่มต่อไป