
จากกรณีที่ "หยก ธนลภย์" เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี และเคยถูกควบคุมตัวในคดีมาตรา 112 โพสต์ข้อความถูกไล่ออกจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เนื่องจากโรงเรียนต้นสังกัดออกแถลงการณ์ (14 มิ.ย.) กรณี "หยก" ไม่มีผู้ปกครอง (มารดา) มามอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการในปีการศึกษา 2566 นั้น
17 มิถุนายน 2566 ล่าสุด มีรายงานว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมกรณีดังกล่าว ฉบับที่ 2 ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้ออกแถลงการณ์กรณี "หยก" ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ต่อมาได้มีข่าวออกทางสื่อสังคมต่าง ๆ ว่าถูกโรงเรียนไล่ออก นั้น
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ชมรมครูเก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และสภานักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ขอแถลงการณ์ ดังนี้
1. น้องหยก ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เนื่องจากการมอบตัวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ที่กําหนดให้นักเรียนทุกคนต้องมามอบตัวที่โรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครอง (ผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546) อันเป็นเงื่อนไขสําคัญตามระเบียบและแนวปฏิบัติในการมอบตัว ซึ่งนํามาใช้กับ นักเรียนทุกคน ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DATA MANAGEMENT CENTER : DMC) ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่มีฐานข้อมูลนักเรียนของน้องหยก ในระบบตั้งแต่ต้น
2. สิทธิในการศึกษาต่อของ น้องหยก ยังมีหน่วยงานทางการศึกษาอื่นที่ สามารถดูแลการเรียนต่อให้เหมาะสมตามความต้องการได้
3. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยในการดําเนินชีวิตของนักเรียน ครู บุคลากร และผู้ปกครอง รวมทั้งอาคารสถานที่และทรัพย์สินอื่น ๆ ของโรงเรียน จึงจําเป็นต้องดําเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566
ขณะที่ "หยก" ได้ออกมาเปิดเผยคำชี้แจง ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุอย่างละเอียดว่า
1. หนูไม่ได้เข้าเรียนตามเวลาที่ใจปรารถนา แต่ที่หนูเข้าห้องสายตอนนี้เพราะถูกกีดกันไม่ให้เข้าโรงเรียน มันยากลำบากมาก หนูเข้าคาบตามเวลาที่กำหนดตลอด คาบไหนออดดังแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที
2. หนูไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบ แต่หนูเห็นว่าวิชาจริยธรรม เป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ หนูคิดว่าสอนกันมาแบบนี้ก็ไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น จากการต้องฟังว่าเราต้องเป็นคนดี
3. หนูไม่ได้ต่อต้านทุกกิจกรรมของโรงเรียน เหมือนกับในคุกบ้านปรานีเช่นกัน หนูไม่ท่องอาขยานก่อนกินข้าว แต่ถ้าต้องทำความสะอาดตรงกลางหนูก็ทำ เรื่องไหว้ครู ต่างๆ หนูเห็นว่าไม่มีประโยชน์กับเยาวชนและนักเรียน
4. การกระทำนี้ ไม่ใช่หนูดื้อแพ่งโง่ๆ แต่หนูคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่ในโรงเรียนในประเทศคือเรื่องไม่ปกติ เด็กหลายคนก็คงอยากแต่งตัวไปรเวทเหมือนกันแหละ แต่อาจจะถูกพ่อแม่ไม่ให้ สังคมไม่ให้ โครงสร้างที่กดทับ ถูกโรงเรียนกดทับ แล้วก็ไม่มีความสามารถที่จะเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ในชั้นเป็นเด็กแล้วคุณจะคาดหวังว่าเราจะมีผู้ใหญ่ที่โตไปเป็นผู้พิพากษาหรือข้าราชการ หรือคนมีตำแหน่งแล้วให้เค้ากล้าหาญที่จะหักคำสั่งของเจ้านายในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรได้ยังไงกันคะ
5. สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนคะ
หนูพูดในฐานะที่ตัวเองเป็นเยาวชนเพราะเปลี่ยนเพื่อให้หนูได้อยู่ต่อ ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ไปต่อพร้อมกัน
การที่ผู้ใหญ่ชอบโลกแบบของผู้ใหญ่ก็คือเรื่องนึง แล้วพวกหนูในฐานะเด็กมีถ้าอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องทำยังไง การร้องขอดี ๆ หลายสิบปีที่ผ่านก็ปรากฎชัดแล้วว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ในวันนี้ สิ่งที่หนูทำไม่ได้เป็นเรื่องฆ่าคนตาย เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านสัญญะ การแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ทำให้หนูเรียนไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เรียนไม่ได้คือโรงเรียนและบุคลากร
เรื่องนี้เป็นบททดสอบของสังคมไทยทำให้เห็นว่า จะพิสูจน์อะไรอีก ถ้าตกลงแล้วสถานศึกษาหรือทัศนคติของสังคมไทย ว่าจะยังไง จะใช้วิธีปัดตกเขี่ยทิ้งกลบฝังคนที่อยากได้ความเปลี่ยนแปลงใช่ไหม