8 เมษายน 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าของฉายา "จอมแฉ" ยังคงเดินหน้ารณรงค์ต้านกัญชาเสรีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า "ฝิ่นทำลายจีน กัญชาทำลายไทย"
ในอดีตเมื่อครั้งสงครามฝิ่น ประเทศจีนถูกเจ้าอาณานิคมนำเอาฝิ่นเข้าไปมอมเมาคนจีน ทำลายเด็ก เยาวชนที่เป็นอนาคตชาติ และยังทำลายเศรษฐกิจจีน ระยะเวลาไม่นานคนจีนติดฝิ่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง จนเกิดขบวนการคนรักชาติ รวมตัวกันต่อต้านทำให้เกิดสงครามฝิ่น คนจีนต้องตายเป็นพัน เป็นความทรงจำที่จีนไม่ยอมให้เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ชาติ
มาถึงยุคสมัยปัจจุบัน กัญชาถูกนำเข้าสู่สังคมไทยโดยคนไทยด้วยกันเอง ไม่ได้ผ่านกฎหมายลูกจากสภา พรรคทุกพรรคไม่เอาด้วยจนกฎหมายแท้งกลางสภา แต่กัญชายังถูกปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดของไทยในระยะเวลาอันสั้น ทั้ง ๆ ที่มีประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก กว่า 170 ประเทศ และสหประชาชาติ ยังให้กัญชาเป็นยาเสพติดอยู่
พรรคการเมืองได้รับผลประโยชน์จากนโยบายกัญชาอย่างมหาศาล เอื้อประโยชน์ให้กับ “นายทุน” ไม่ใช่ “ชาวบ้าน” ไม่ได้เป็น “พืชเศรษฐกิจ” อย่างที่พ่นนำลายกล่อมใส่ มีการจัดตั้งบริษัทรองรับทำไร่กัญชา ผลิตภัณฑ์กัญชา และที่เกี่ยวข้องอีกมาก
ขบวนการ “กัญชา” ยังได้ความร่วมมือจากสื่อสีเทา ใช้สายสัมพันธ์เชื่อมประโยชน์ จนทำให้กัญชากลายเป็น “ยาวิเศษ” ที่รักษาได้ทุกโรค โดยไม่มีผลยืนยันทางวิทยาศาสตร์
ไทยเป็นประเทศที่เปิดเสรีกัญชามากที่สุดในโลก การต่อต้านกัญชาเสรีจึงต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อให้รู้ถึงผลร้ายของการนำกัญชาเข้ามาในสังคมไทยอย่างไม่ระวัง จากคนในชาติด้วยกันเอง แม้แต่สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย แพทยสภา หรือบรรดาแพทย์สมัยใหม่ยังปฏิเสธ เพราะไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับ และเป็นห่วงเป็นใยถึงผลเสียของกัญชาที่เข้าถึงเยาวชนได้โดยง่าย
แต่พรรคการเมืองที่ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมแท้ ๆ กลับเร่งรีบนำกัญชาเข้ามายัดเยียดให้กับสังคม เพียงเพราะต้องการคะแนนเสียงไปอวดอ้างผลงาน จนทำให้สังคมปั่นป่วน กัญชาแทรกซึมเข้าไปทั่วทุกหัวระแหง ทั้งในชุมชน โรงเรียน ครอบครัว เยาวชน มาในรูปแบบของการมวนสูบ อาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งขนม แต่ผลร้ายของกัญชากลับไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใต้สำนึกของพรรคการเมือง และนักการเมือง
ผมรู้จักกัญชาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี เคยเสพเคยลองมาหมด ไม่ว่าแบบมวน ผสมบุหรี่ หรือใส่บ้องดูด เข้าใจรู้ซึ้งถึงผลเสียของกัญชาดี ว่าเมื่อพี้แล้วจะเคลิบเคลิ้ม ล่องลอย สมองไม่ทำงาน พูดมาก คิดมาก หวาดระแวง ตื่นตระหนกเกินเหตุ เมื่อติดกัญชาแล้ว หากวันไหนไม่ได้พี้กัญชาจะหงุดหงิด อารมณ์อ่อนไหวง่าย ถึงขั้นคลุ้มคลั่งอาละวาด
ผู้ใหญ่ในสมัยก่อนจึงมักจะตักเตือนว่าสูบแล้วทำลายสมอง ทั้งสมองฝ่อบ้าง เพี้ยนบ้าง ตาเชื่อมตาลอย คิดอะไรช้า พัฒนาการทางสมองเสื่อมถอยลง การนำอนาคตของชาติไปเสี่ยงเป็นเดิมพันกับกัญชา เพราะพรรคการเมืองหวังผลคะแนนเสียง นับเป็นนโยบายเลวร้ายที่สุด ที่ผมเคยพานพบมาในชีวิต
กัญชาเป็นเพียงสมุนไพรที่เชื่อว่าใช้รักษาอาการทางประสาท และโรคอื่น ๆ ได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงความเชื่อ พรรคการเมืองกลับปล่อยให้สังคมไปเสี่ยงเอาเอง โดยไม่มีกฎเกณฑ์รองรับเพื่อควบคุมอย่างเข้มงวด บัดนี้ผลร้ายกำลังปรากฏออกมาให้สังคมได้เห็นผ่านสื่อทุกวี่ทุกวัน แท้จริงแล้วสังคมได้อะไรจากกัญชา? คุ้มหรือไม่? กัญชาทางการแพทย์ที่ใช้บังหน้า มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่รักษาหาย? ยังไม่มีใครตอบได้
แล้วที่เอาไปใช้พี้สันทนาการ เด็กเยาวชนหามาลองเสพง่าย เมื่อกัญชาถูกกฎหมายจะมีการเสพกัญชาขยายตัวมากขึ้น เพราะแม้แต่ตอนที่กัญชาผิดกฎหมาย เป็นยาเสพติด ยังมีการลักลอบเสพได้
หากวันนี้ไม่หยุดยั้ง ไม่ต่อต้านกัญชา เราจะเหมือนจีนที่ถูกนำฝิ่นเข้ามามอมเมา แต่นั่นนำมาโดยคนต่างชาติเจ้าอาณานิคม ตอนนี้เราคนไทย กลับนำกัญชาเข้ามามอมเมาคนไทยด้วยกันเอง
เราต้องร่วมมือกันต่อต้าน เพื่อให้ชาติพ้นวิกฤต จากคนที่นำยาเสพติดเข้ามาในสังคม 14 พฤษภาคมนี้ ดีเดย์ลงคะแนน สำหรับผม เดินสายต่อต้านกัญชาทั่วประเทศ