
7 มีนาคม 2566 เกิดเรื่องราวสุดดรามาในสื่อสังคมออนไลน์ ประเทศสาธาณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว หลังคนลาวทั้งประเทศ ได้ชมคลิปเด็กชายถูกมัดติดกับรถจักรยานยนต์ หรือ "มอเตอร์ไซค์" หลังจากถูกจับได้ว่าขโมยขนมในร้านค้า กระทั่งเสียงประณามการกระทำอันเกินกว่าเหตุดังกล่าว ทำให้สามีของแม่ค้า ต้องออกมาขอโทษสังคม พร้อมเยียวยาเด็กคนดังกล่าว
สื่อออนไลน์ สะเก็ดข่าว ของ สปป.ลาว ได้ประมวลเหตุการณ์แม่ค้าจับเด็กน้อยมัดไว้กับมอเตอร์ไซด์ ดังนี้
ต่อมา สามีของนางเวียงคำ ได้ออกมาขอโทษสังคมอย่างจริงใจ และชี้แจงถึงเหตุ การณ์ผ่านคลิปว่า เด็กน้อยมาขโมยขนมในร้าน 3 ครั้ง เมียถามหาพ่อแม่ แต่เด็กน้อยไม่ยอมตอบ จึงจับมัดไว้กับมอเตอร์ไซด์
ตัวเขาเองยอมรับว่า การกระทำดังกล่าวของเมีย เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ พร้อมจะไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองเด็ก และทำพิธีสู่ขวัญเด็กน้อยคนกล่าว
สำหรับกระบวนยุติธรรม สปป.ลาว ประเด็นการกระทำทารุณกรรมผู้หญิงและเด็กน้อย มีโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 263 มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี ปรับไหม 3 ล้านถึง 10 ล้านกีบ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรื่องแม่ค้า จับเด็กน้อยขโมยขนม ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะมีผู้ใจบุญทั้งหลาย หลั่งไหลบริจาคเข้าบัญชีของแม่ตู้หรือย่าของเด็กน้อยอย่างมากมาย บางคนเสนอมอบทุนการศึกษา และมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งในเมืองอานุวง รวบรวมเงินซื้อขนมไปให้ท้าว ซูลี ถึงบ้านพัก
ประเด็นการบริจาคเงินให้เด็กน้อย ทำให้กระแสเสียงคนลาวในโซเชียล แตกออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งเห็นว่าเด็กยากจน ถูกกระทำรุนแรง ต้องช่วยเหลือ
แต่อีกกลุ่มหนึ่งให้แยกเป็น 2 กรณี โดยกรณีเด็กน้อยขโมยขนม เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่กับกรณีแม่ค้ากระทำการจับมัดเด็ก ก็ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน ดังนั้นฝ่ายเห็นแย้งกระแสคนใจบุญนั้น เพราะไม่ต้องการสนับสนุนเรื่องเด็กลักขโมยเป็นเรื่องถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเด็กทั่วประเทศจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
อย่างไรก็ตาม มีสื่อออนไลน์ลาวบางสำนักแจ้งว่า มียอดบริจาคเงินช่วยเด็กผ่านบัญชีธนาคารของแม่ตู้แล้วประมาณ 90 ล้านกีบ หรือคิดเป็นเงินไทย 1.8 แสนบาท (500 กีบเท่ากับ 1 บาท)