svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอมนูญ เผย เชื้อโคโรนาไวรัสประจำถิ่นยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน 

21 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์คนดังจาก รพ.วิชัยยุทธ ยกเคสศึกษากรณีผู้ป่วยหญิง ผู้หญิงอายุ 69 ปีเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพิ่งได้ยาเคมีบำบัดครั้งแรก เตือนกลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้น  ติดตามข้อมูลโควิดได้จากรายงานชุดนี้

อีกรายงานความเคลื่อนไหวทางด้านวิชาการ ล่าสุดที่เพจเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ คุณหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์เผยกรณีศึกษา ที่น่าสนใจ

หมอมนูญ เผย เชื้อโคโรนาไวรัสประจำถิ่นยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน 
โคโรนาไวรัสประจำถิ่น ล่าสุดมีจำนวน 4 สายพันธุ์ คือโคโรนาสายพันธุ์ 229E, NL63, OC43 และ HKU1  วินิจฉัยด้วยการแยงจมูกส่งตรวจรหัสพันธุกรรมของไวรัส รักษาตามอาการ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัส และไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 4 สายพันธุ์เดิมนี้
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผมได้เห็นผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส OC43 สามราย อาการแยกไม่ออกจากไวรัสโควิด-19 มีไข้ ไอ เจ็บคอ เสียงเปลี่ยน มีน้ำมูก อาการไม่มาก รักษาตามอาการ ส่วนใหญ่หายเอง คนสูงอายุที่มีโรคประจำตัวอาจเหนื่อย ป่วยรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ ต้องเข้านอนรักษาในโรงพยาบาล
โคโรนาไวรัส OC43 รายที่ 1 ผู้ชายอายุ 64 ปี เป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน  16 ธันวาคม 2565  มีไข้ อุณหภูมิ 39 องศาเซลเซียส ไอมากไอแห้งๆ เสียงเปลี่ยน เจ็บคอเล็กน้อย มีน้ำมูก 2 วัน ระดับออกซิเจนปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ  รักษาตามอาการ มีไข้ต่ออีก 2 วัน ไอลดลง ดีขึ้นเอง

รายที่ 2 ผู้หญิงอายุ 63 ปี ติดเชื้อโคโรนาไวรัส OC43 จากผู้ป่วยรายแรก 21 ธันวาคม 2565 มีไอ 2 วัน ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ระดับออกซิเจนปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ รักษาตามอาการ ดีขึ้นเอง
โคโรนาไวรัส OC43 รายที่ 3 ผู้ชายอายุ 82 ปี เป็นโรคหอบหืด โรคความดัน 4 มกราคม 2566 มีไข้ ไอมีเสมหะ เหนื่อย 2 วัน ระดับออกซิเจนต่ำเหลือ 89% เอกซเรย์ปอดผิดปกติที่ปอด 2 ข้าง (ดูรูป) ให้ออกซิเจน เสตียรอยด์ ยาพ่นขยายหลอดลม ไข้ลง ไอเหนื่อยน้อยลง อาการดีขึ้น กลับบ้านได้วันที่ 12 มกราคม 2566

หมอมนูญ เผย เชื้อโคโรนาไวรัสประจำถิ่นยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน 
กลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้น เมื่อติดเชื้อไวรัสโควิด แพทย์ควรให้ยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง คือยาแพ็กซ์โลวิดชนิดกิน หรือยาเรมเดซิเวียร์ชนิดฉีด ไม่ควรให้ยาโมลนูพิราเวียร์เพราะโมลนูพิราเวียร์ป้องกันการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ไม่ดีเท่ายาแพ็กซ์โลวิดหรือเรมเดซิเวียร์ 

นอกจากนี้คนมีความเสี่ยงสูงมากที่จะป่วยรุนแรง หรือมีโอกาสที่เชื้อไวรัสโควิดจะคงอยู่ในร่างกาย (persistent) เป็นเวลานานทำให้ป่วยแล้วป่วยอีก ตัวอย่างเช่น คนแก่มากๆ มีโรคประจำตัวหลายๆโรคและไม่เคยได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว หรือเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองกำลังรับยาเคมีบำบัด และคนที่ได้รับยาเคมีบำบัดครบแล้ว ถ้าเป็นไปได้แนะนำรีบให้ยาต้านไวรัส 2 ขนานคือ แพ็กซ์โลวิดและเรมเดซิเวียร์คู่กัน (dual) เพราะให้ยาตัวใดตัวหนึ่งอาจให้ผลลัพธ์ดีไม่เท่ายา 2 ขนานพร้อมกัน บางคนอาจเสริมด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดสำเร็จรูป Evusheld ตั้งแต่ต้น ต้องรีบใช้ Evusheld ให้หมด เพราะในอนาคตเชื้อไวรัสสายพันธุ์ XBB เชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่เข้าไทยเมื่อไหร่ Evusheld จะใช้ป้องกันและรักษาไวรัสสายพันธุ์ XBB ไม่ได้

ผู้หญิงอายุ 69 ปีเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพิ่งได้ยาเคมีบำบัดครั้งแรก ได้รับวัคซีนแอสตร้า 2 เข็ม และไฟเซอร์ 1 เข็ม ปวดเมื่อยตัว มีไข้ต่ำๆ 1 วัน ตรวจ ATK บวก ระดับออกซิเจนปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ

ให้ยาฉีดเรมเดซิเวียร์และยากินแพ็กซ์โลวิดคู่กันนาน 5 วัน และให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Evusheld ฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพก 2 ข้างตั้งแต่วันแรก คนไข้รับยาได้โดยไม่มีผลข้างเคียง นอนในโรงพยาบาล 5 วัน ดีขึ้น เอกซเรย์ปอดก่อนกลับบ้านปกติ ติดตาม 2 สัปดาห์หลังเริ่มติดเชื้อไวรัสโควิด ไม่มีอาการ อนุญาตให้รับเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองต่อไป

ยาต้านไวรัส ที่องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้รักษาโรคโควิด-19  มีเพียง 3 ขนาน ยาฉีด 1 ขนาน คือยาเรมเดซิเวียร์ ยากิน 2 ขนาน คือยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) และโมลนูพิราเวียร์

ยาแพ็กซ์โลวิดมีประสิทธิภาพสูงกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ แต่มีข้อห้ามใช้ในกรณีที่กำลังกินยาบางชนิดอยู่ เพราะอาจมีปฏิกิริยาต่อกันของยา (Drug Interaction) ซึ่งอาจจะเสริมฤทธิ์กันหรือต้านฤทธิ์กัน ส่งผลต่อผลการรักษาหรือเกิดผลข้างเคียง

ทั่วโลกกำลังรอยาต้านไวรัสชนิดกินตัวใหม่ ยาเรมเดซิเวียร์ได้ผลดีเมื่อฉีดเข้าเส้นเลือดเท่านั้น ถ้านำมากินไม่ได้ผลเพราะไม่ดูดซึมผ่านกระเพาะลำไส้ นักวิทยาศาสตร์จีนได้สังเคราะห์ยากินคล้ายกับยาฉีดเรมเดซิเวียร์ สามารถดูดซึมผ่านกระเพาะลำไส้เข้ากระแสเลือดได้ดี นำมาใช้เป็นยาต้านไวรัสตัวใหม่ วีวี116 (VV116)
หมอมนูญ เผย เชื้อโคโรนาไวรัสประจำถิ่นยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน 
โดยได้ทำการศึกษาวิจัยควบคุมแบบสุ่มระยะที่ 3 เปรียบเทียบยาต้านไวรัส วีวี116 กับแพ็กซ์โลวิดในผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในโรงพยาบาลนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักโดยให้กินทั้งหมด 5 วัน ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England Journal of Medicine) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 (ดูรูป) พบว่า วีวี116 มีประสิทธิภาพดี ลดจำนวนวันที่เจ็บป่วยจากโรคโควิดให้สั้นลง ลดความรุนแรง ไม่ต่างจากยาแพ็กซ์โลวิด ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแพ็กซ์โลวิด ปากขมน้อยกว่า และไม่มีปฏิกิริยาต่อกันกับยาตัวอื่นเหมือนยาแพ็กซ์โลวิด
ในอนาคตอันใกล้ยาต้านไวรัสตัวใหม่จากประเทศจีน VV116 จะเป็นยากินอีก 1 ขนานสำหรับนำมารักษาโรคโควิด

ทิ้งท้าย ...ประเด็นโควิด-19

ธุรกิจเกี่ยวข้องกับดูแลผู้ป่วยโควิด และการเปิดประเทศรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน จะเดินหน้าไปด้วยดี ถ้าเราเลิกกลัว ยอมรับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด

คนสูงอายุติดเชื้อไวรัสโควิดนอนป่วยในโรงพยาบาล ญาติกลัวไม่กล้ามานอนเฝ้า อยากหาคนนอนเฝ้าทั้งวันทั้งคืน ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนจัดหาผู้ช่วยพยาบาลที่ได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้น 2 เข็ม ส่วนใหญ่เคยติดเชื้อโควิดแล้วมานอนเฝ้า คนเฝ้าคนไข้ใช้ชีวิตปกติอยู่ในห้องคนไข้โดยไม่กลัวโควิด คนไข้ใส่หน้ากากอนามัยบ้างไม่ใส่บ้าง คนเฝ้าก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา อยู่ใกล้ชิดกับคนไข้ ทานอาหารในห้องคนไข้ ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันพิเศษ ไม่ได้ใส่ถุงมือ คนเฝ้ามีงานทำ มีรายได้ ส่วนใหญ่ไม่ติดเชื้อจากคนไข้ ผมได้คุยกับผู้จัดการ หจก.สเปเชี่ยลเนิร์สแคร์ คุณน้ำฝน เบอร์โทรศัพท์ 095-9199414, 02-0008190 และผู้ช่วยพยาบาลที่มานอนเฝ้าคนไข้ของผมหลายคน ทุกคนยินดีมาทำงานเฝ้าคนไข้ ไม่มีใครกลัวโควิด

ธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวควรเลิกกลัวโควิด โดยดูตัวอย่างธุรกิจเฝ้าไข้คนติดเชื้อไวรัสโควิด นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจำนวนมากกำลังจะมาเที่ยวไทย โอกาสนักท่องเที่ยวชาวจีนจะนำเชื้อจากประเทศจีนมาแพร่ระบาดให้คนไทยไม่มาก บุคลากรภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สนามบิน รถเช่า รถสาธารณะ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ต้องมีความพร้อมฉีดวัคซีนให้ครบโดสตามด้วยเข็มกระตุ้น 2 เข็ม ถ้าเคยติดเชื้อไวรัสโควิดมาแล้วยิ่งดี โอกาสติดเชื้อใหม่จะลดลงมาก ถึงติดเชื้อก็ป่วยเล็กน้อย ไม่ต้องกังวล คนทำงานจะมีรายได้ และเศรษฐกิจของประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป

logoline