กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 8 เตือน 7 จังหวัดภาคใต้ เตรียมรับมือฝนตกหนัก
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 8 เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 7-8 มกราคม 2566
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง และมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้บริเวณปลายแหลมญวณ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 มกราคม 2566 รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์
กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประกาศ ณ วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 17.00 น.
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 05.00 น.
ตรวจสอบสภาพอากาศทัวไทย เช็กตรงนี้กับพยากรณ์อากาศ 7 วันรายภาค
ช่วงระหว่างวันที่ 7 – 13 มกราคม พ.ศ. 2566
ในช่วงวันที่ 7 - 8 ม.ค. 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ปลายบริเวณแหลมญวณ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวและมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ข้อควรระวัง :
ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 2566 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกให้ระวังคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
ในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 2566 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวมถึงระวังอันตรายการสัญจร ในบริเวณที่มีหมอก
ออกประกาศ 07 มกราคม 2566 11:00 น.
คาดหมายอากาศรายภาค
ช่วงระหว่างวันที่ 7 – 13 มกราคม พ.ศ. 2566
ภาคเหนือ
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 30 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 3 – 11 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 25 กม./ชม.
- ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส
- โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ในช่วงวันที่ 10 – 11 ม.ค. 66
- อุณหภูมิต่ำสุด 13 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 32 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4 – 12 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 13 – 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 30 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8 – 12 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม.
- ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 - 4 องศาเซลเซียส
- โดยมีฝนร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
- อุณหภูมิต่ำสุด 16 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 32 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 14 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง จะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 28 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 30 กม./ชม.
- ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
- อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 28 องศาเซลเซียส
- ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 31 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 ตอนบนของภาคอากาศเย็นในตอนเช้า
- ส่วนทางตอนล่างของภาค มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 31 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 ตอนบนของภาคอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ในช่วงวันที่ 7 – 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 40 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 33 องศาเซลเซียส
- ทั้งนี้ในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร
กรุงเทพฯและปริมณฑล
- ในช่วงวันที่ 7 - 8 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 20– 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 – 29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 30 กม./ชม.
- ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
- อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 – 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
ออกประกาศ 07 มกราคม 2566 11:00 น.
ขอขอบคุณที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา