5 มกราคม 2566 เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและผราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นิวัติไชย เกษมมงคล เปิดเผยกรณีที่มีการตั้งคำถาม และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ความไม่ชอบมาพากลกรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการว่าจ้างเอกชน เปลี่ยนป้ายชื่อ สถานีกลางบางซื่อ โดยใช้งบประมาณกว่า 33 ล้านบาท สำนักงาน ป.ป.ช. ได้สั่งการให้ มีการรวบรวมข้อมูลตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เผยด้วยว่า ขณะนี้มีผู้มาร้องเรียนเรื่องนี้ กับ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน ดังนั้น หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการตั้งเรื่องขึ้นมารวบรวมข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่าการจัดซื้อจัดจ้าง และการกำหนดสเป็กเป็นอย่างไร
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เผยด้วยว่า ป.ป.ช. มีอำนาจตรวจสอบว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน หรือผู้ใดหรือไม่ มีการฮั้วประมูลกันหรือไม่ และเป็นการทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ เพื่อจะได้เอาผิดในคดีอาญาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ จะเป็นอำนาจของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่จะตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้จะคล้ายการตรวจสอบประเด็นเสาไฟกินรี
เลขาธิการ ป.ป.ช. ยอมรับว่า ในการตรวจสอบเรื่องบางเรื่อง แม้จะมีการจัดซื้อมาโดยไม่จำเป็น แต่หากการซื้อดังกล่าวเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบ หรือที่กฎหมายทั้งหมด อย่างเช่นการซื้อรถประจำตำแหน่ง ที่เคยมีการวิจารณ์กัน สุดท้ายก็อาจจะทำอะไรไม่ได้ สตง. ก็ทำได้แค่ท้วงติง
"แต่หากตรวจสอบและมีหลักฐานว่าการจ้าง มีการล็อกสเป็ก ขึ้นมา ป.ป.ช. ก็จะสามารถเอาผิดฐานฮั้วประมูลได้" นิวัติไชย ระบุ