เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
30 พฤศจิกายน 2565 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางกัญญาภัทร พิทักษ์หิรัญพงศ์ อายุ 59 ปี และนายพนิต พิทักษหิรัญพงศ์ อายุ 33 ปี ย่ากับพ่อเด็กชายภูผา อายุ 4 ขวบ 6 เดือน เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังลื่นล้มในโรงเรียนก่อนกลับมาเสียชีวิตที่บ้าน
เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือทางด้านคดี เพราะหลังเกิดเหตุลื่นล้ม โรงเรียนไม่ได้นำตัวเด็กส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจรักษาในทันทีโดยผู้บริหารโรงเรียนอ้างว่าไม่มีสิทธิ์นำเด็กออกนอกโรงเรียน จนทำให้ด.ช.ภูผา เสียชีวิตในเวลาต่อมาหลังกลับมาถึงบ้านและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกลางดึก โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต มาจากการได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะจนมีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง ต่อมาย่าและพ่อของเด็กชายภูผา ขอดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถูกโรงเรียนปฏิเสธอ้างว่ากล้องเสีย
ทั้งนี้ น้องภูผา เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งของกทม. ได้ลื่นล้มในโรงเรียน เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงเช้า พ่อได้ไปส่งน้องที่โรงเรียนตามปกติ และปู่ได้ไปรับน้องที่ในเวลา 16.30 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน โดยครูประจำชั้นแจ้งกับปู่ว่า น้องไปเหลาดินสอแล้วเดินสะดุดกระเป๋าล้มและร้องไห้ แต่ภายนอกไม่ได้มีบาดแผลอะไร ซึ่งครูประจำชั้นได้โทรไลน์ไปแจ้งคุณแม่ตอนประมาณ 17.00 น. ว่า
น้องได้สะดุดกระเป๋าล้ม หลังจากกลับมาบ้านน้องได้บ่นว่าเจ็บบริเวณแก้มและมีอาการง่วงนอน ปู่จึงให้กินยา แล้วให้น้องไปนอนพักผ่อน จนเวลาประมาณ 18.30 น. คุณพ่อและคุณแม่เลิกงานกลับมาบ้าน น้องตื่นมาบ่นว่าเจ็บบริเวณแก้ม จึงได้พาน้องกินนมเพื่อจะเข้านอน แต่น้องเกิดอาการอ้วกออกมา จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้แล้วพาน้องขึ้นไปนอน จนเวลา 21.00 น.
จากนั้นก่อนที่พ่อแม่น้องจะเข้านอน ได้เปิดไฟมองหน้าน้อง พบว่า หน้าซีด และมีน้ำลายไหลออกจากปาก จึงรีบพาน้องไปโรงพยาบาลพญาไท 3 เข้าห้องฉุกเฉิน หมอบอกว่า ได้ช่วยเต็มที่แล้วให้ทำใจ น้องได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งผลชันสูตรบอกว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะ เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมอง ต่อมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ทางครอบครัวและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปคุยกับทางโรงเรียน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ทางโรงเรียนได้แจ้งว่า กล้องเสียและได้ช่วยเงินทำบุญมา 20,000 บาท และให้รอทางตำรวจ
นางกัญญาภัทร กล่าวว่า วันเกิดเหตุคุณปู่ไปรับน้อง ซึ่งน้องได้ขี่คอคุณปู่กลับมา น้องบอกว่าสะดุดกระเป๋าล้มจึงไม่อยากเดิน ให้ปู่อุ้มแทน จากนั้นเมื่อเข้าบ้านมาแล้วน้องบ่นว่าอยากนอนและไม่กินข้าว ตนจึงได้ให้น้องนอน และถามหลานว่าเจ็บตรงไหน ซึ่งหลานก็บอกว่าเจ็บตรงแก้มอยากให้ย่าเอาน้ำแข็งมาประคบ เหมือนคุณครูที่โรงเรียนทำให้ ตนก็คิดว่าหลานคงเผลอไปกัดกระพุ้งแก้มเอง
หลังหลานหลับไปสักพักแล้วตื่นมา ตนก็ให้หลานกินข้าว แต่หลานจะขอเดินไปซื้อขนมกับปู่แทน ซึ่งอยู่ห่างจากตึกไปประมาณ 4-5 ห้อง จากนั้นประมาณช่วงเวลา 18.00 น.หลังจากหลานกลับมาซื้อขนมกินเสร็จแล้วจึงขอนอนต่อ จนกระทั่งพ่อกับแม่เขากลับมาถึงบ้านในช่วงสองทุ่ม หลานก็เริ่มงอแง แม่เขาจึงให้กินนมแล้วนอนพักผ่อนต่อ หลังจากนั้นสักพักหลานก็เริ่มอาเจียนออกมา แม่จึงเช็ดตัวให้แล้วนอนหลับไปอีกครั้ง
“จนกระทั่งในตอนสามทุ่ม แม่เขาจึงไปพลิกดูอาการอีกครั้ง ก็พบว่านอนจมกองน้ำลายที่ไหลออกมามาก จึงได้รีบช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล ในตอน 4 ทุ่ม แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทันประมาณห้าทุ่มยี่สิบ น้องก็เสียชีวิตลง โดยแพทย์ระบุว่ามีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง”
ด้านนายพนิต กล่าวว่า ตนทราบเรื่องเพราะแฟนโทรมาบอก ขอให้กลับบ้านก่อนเพื่อไปดูลูก เพราะโรงเรียนโทรแจ้งมาว่าลูกลื่นล้มที่โรงเรียน โดยที่โรงเรียนก็ไม่ได้บอกด้วยว่าลูกชายตนมีอาการอย่างไร จนกระทั่งเลิกงานถึงบ้านไปดูอาการของลูก เขาก็บอกได้แค่ว่าเจ็บตรงแก้ม ตนจึงบอกว่า ถ้าน้องเจ็บมากไม่ไหวจะพาไปโรงพยาบาล จนกระทั่งเมื่ออาการลูกชายไม่ดีขึ้น ถึงงได้รีบนำส่งโรงพยาบาล ผ่านไปเพียงขั่วโมงเดียวลูกชายตนเสียชีวิตลง
ทางครอบครัวพยายามติดต่อกับทางโรงเรียน เพื่อขอดูกล้องในจุดที่ลูกชายล้มว่า เกิดจากอะไร ล้มแรงแค่ไหน หัวไปกระแทกกับอะไร จึงทำให้เลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง แต่โรงเรียนกลับบอกว่า จุดที่ลูกตนล้มนั้นกล้องเสีย และเมื่อตนถามว่าทำไมหลังเกิดเหตุแล้วไม่นำตัวเด็กส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจดูอาการ ทางโรงเรียนกลับอ้างว่า เขาไม่มีสิทธิ์พาเด็กออกนอกโรงเรียน พร้อมกับให้เงินช่วยเหลืองานศพมา 2 หมื่นบาท จึงทำให้ตนติดใจสาเหตุที่ลูกชายเสียชีวิต
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ตนเสียใจมาก เพราะเป็นเรื่องแค่เด็กล้มหัวฟาด แต่ทางโรงเรียนไม่นำตัวส่งโรงพยาบาล คิดเองว่าเด็กไม่เป็นอะไร จนทำให้เด็กเสียชีวิต เรื่องนี้ทางแพทย์บอกว่า เป็นเรื่องแปลกจึงได้สั่งชันสูตรศพตั้งแต่วันแรกที่เสียชีวิต
โดยช่วงบ่ายวันนี้ จะพาครอบครัวน้อง ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ภาษีเจริญ เพื่อให้ติดตามคดี และตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูว่าเด็กล้มอย่างไร ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่าน้องล้มหัวไปฟาดขอบโต๊ะ แต่ถ้าเด็กหัวฟาดพื้นจะเป็นเรื่งใหญ่ หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนก็ไม่ได้นำตัวเด็กส่งโรงพยาบาล เอาแค่น้ำแข็งประคบเท่านั้น หลังจากเมื่อวาน(29 พ.ย.)ทางครอบครัวเข้าเจรจากับทางโรงเรียน ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถเอาเด็กออกนอกโรงเรียนได้ เพราะไม่มีอำนาจ
จากกรณีนี้เบื้องต้นการที่โรงเรียนไม่นำเด็กส่งโรงพยาบาล กับเด็กเล็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้และหกล้ม ถือว่าเป็นเรื่องประมาทเลินเล่อ ละเลย ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดี คนแรกที่จะประมาทคือ ครูประจำชั้น และผอ.โรงเรียน อาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่ดูแลโรงเรียนทั้งระบบ
วันนี้(30 พ.ย.) ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อตรวจสอบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และถ้าทางโรงเรียนไม่มีการติดต่ออะไรเลย อาจต้องไปกระทรวงศึกษาธิการ พบรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะระเบียบที่ว่า ไม่มีระเบียบเอาเด็กออกนอกโรงเรียนได้ เพราะไม่มีอำนาจ แสดงว่าประเทศไทย เด็กเป็นอะไรไม่ต้องส่งโรงพยาบาลหรืออย่างไร ทั้งๆที่เป็นโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนมีประกันอุบัติเหตุอยู่แล้ว
ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ รายงานจากจ.นนทบุรี
ย่าและทนายรณณรงค์ให้สัมภาษณ์