ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก) กลุ่มผู้เสียหายกว่า 60 คน พร้อมด้วย ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินขบวนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อให้กองปราบรับคดี ภายหลังกลุ่มผู้เสียหายถูกเต็นท์รถย่านรามคำแหงหลอกซื้อดาวน์รถ เสียหายกว่า 36 ล้านบาท เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้เสียหาย ไปร้องเรียนมาหลายพื้นที่แต่ไม่มีใครรับแจ้งความ ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันเท่านั้น
หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รู้จักเต้นท์รถย่านรามคำแหง ผ่านทางเพจโซเชียล จึงติดต่อเข้าไปเพื่อจะทำการขายดาวน์รถยนต์ปาเจโร่ ซึ่งผ่อนมาแล้ว 24 งวด แต่ต้องการจะขายดาวน์จึงติดต่อไปยังเต้นท์ และทางเต้นท์แจ้งว่าจะทำสัญญาเปลี่ยนเจ้าของให้ภายใน 3 เดือน แต่ภายใน 10 วัน ก็มีคนมาติดต่อซื้อรถจากเต้นท์ และหลังจากที่ขายรถไปแล้ว จึงทวงถามไปยังเจ้าของเต้นท์รถถึงเรื่องการเปลื่ยนชื่อเจ้าของ แต่ทางเต้นท์ ได้บ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม และไม่ดำเนินการให้
" จากนั้นได้ขาดการติดต่อจากกัน จนกระทั่งไฟแนนซ์ที่ผ่อนชำระค่างวดไปก่อนหน้านี้ ทวงค่างวดมาทางเรา จึงมารู้ภายหลังว่า เต้นท์รถยังไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถที่ขายไป ทำให้ต้องรับภาระในการผ่อนชำระค่างวดต่อ"
บรรยากาศระหว่างการให้สัมภาษณ์ สามีของหญิงผู้เสียหายได้นำบันไดมาปีนโชว์สื่อเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หลังก่อนหน้านี้ เคยไปปีนชั้นลานจอดรถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้ว เนื่องจากเกิดความเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะยังต้องผ่อนค่างวดต่อ เดือนละ 19,700 บาท ซึ่งครอบครัวตอนนี้มีปัญหาทางการเงิน
ขณะที่ผู้เสียหายอีกคน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ถูกเต้นท์รถหลอกว่าจะปิดยอดเงินผ่อนให้แต่ทางไฟแนนซ์ยังทวงค่างวดกับตนเองอีก จึงไปแจ้งความที่ สน.บางชัน จากนั้นคนที่ซื้อรถของตนเองไปติดต่อกลับมาหาว่าต้องการจะซื้อรถคืนกลับไปหรือไม่ในราคา 7 หมื่นบาท
ซึ่งตนเองไม่ได้จ่ายเงินไป และได้ไปแจ้งความที่สภ.ท้องที่ที่เจอพิกัดรถ ซึ่งตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก พร้อมสงสัยว่า เป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่
ด้านทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า เชื่อการหลอกขายดาวน์รถจะต้องมีการทำเป็นขบวนการ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ที่ขายดาวน์ รถไปกว่า 50 คัน ความเสียหาย ประมาณ 36 ล้าน ส่วนใครอยู่เบื้องหลังนั้นยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด จึงต้องการให้ตำรวจกองปราบรับทำคดี เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก และเสียหายสูง
“ที่ผ่านมาผู้เสียหายมีการแจ้งความหลายพื้นที่ แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี มีเพียง 2 โรงพักที่ออกหมายจับผู้ก่อเหตุเท่านั้น พร้อมฝากเตือนให้ผู้ที่จะขายดาวน์รถ จะต้องทำสัญญาซื้อขายรถและเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว”
ด้านพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหาย เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาคดีต่อไป