'นริศ' ห่วง สังคมผู้สูงวัย ไม่มีภูมิคุ้มกันหลังเกษียณ เหตุเงินออมน้อย

8 กันยายน 2565 นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดเผยผลการวิจัย "ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ" (NRRI) โดยคณะพาณิชยศาสตร์แลการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เห็นแนวโน้มการออมที่น่าเป็นห่วง เพราะจะส่งผลสืบเนื่องต่อปัญหาสังคมสูงวัยในอนาคต

"วัยทำงานได้ในวันนี้ เรี่ยวแรงมีน้อยลง รายได้ก็น้อยลง แต่สารพัดโรคสารพัดปัญหารุมเร้า ไม่สามารถเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทั้งที่เป็นวัยที่ควรได้พักผ่อนมากขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะไปถมทับปัญหาเดิมของผู้สูงอายุในปัจจุบันที่ได้รับเงินยังชีพน้อยมาก คิดแล้วตกอยู่ที่ ประมาณ 20 บาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งไม่พอแน่นอน"

ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวชี้ว่า คนไทยมีความพร้อมด้านการการเงินต่ำกว่าร้อยละ 40 จึงไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ โดยจากการสำรวจพบว่า จะต้องมีเงิน 3 ล้านบาทต่อคน และทยอยนำมาใช้จ่ายต่อเดือนในระดับ 6,000-7,000 บาท จึงจะสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไม่ลำบาก แต่ล่าสุด ข้อมูลการใช้จ่ายในปัจจุบันอยู่ที่ 10,000 บาทต่อเดือน ยิ่งทำให้ผู้สูงวัยไม่สามารถอยู่ได้ หากมีเงินออมที่ไม่เพียงพอ

จากภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เงินออมของหลายๆคนถูกใช้จ่ายออกไปจำนวนมาก ขณะที่ค่าครองชีพถูงผลักให้สูงขึ้นโดยเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องเร่งหาภูมิคุ้มกันให้ผู้สูงอายุทั้งในปัจจุบันให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จริงและวัยแรงงานที่ไม่มีเงินออมในวันนี้ สามารถมีหลักประกันในอนาคตได้

"อย่างน้อยที่สุดจึงควรมีบำนาญถ้วนหน้าออกมาโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็ควรมองหาโมเดลใหม่ๆทางเศรษฐกิจที่ผู้สูงอายุเข้าไปมีส่วนร่วมได้มากขึ้น ไม่ว่าในฐานะผู้ให้บริการหรือผู้รับบริการ เช่น การสนับสนุนให้มีศูนย์สุขภาพดูแลผู้สูงวัยตามภูมิปัญญาพื้นบ้านในชุมชน หรือการสร้างระบบผู้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่ลูกหลานสามารถเข้าไปดูพ่อแม่ตัวเองและชุมชนได้ โดยมีเงินเดือนให้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานในพื้นที่และได้ดูแลคนเฒ่าคนแก่ไปพร้อมกัน" นายนริศ ระบุ