โควิดวันนี้ ยอดต่ำพันในรอบปี ติดเชื้อ 994 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษารพ. 777 คน

30 สิงหาคม 2565 โควิดวันนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของประเทศไทย ยังพบสายพันธุ์ “โอมิครอน BA.5” ล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2565 มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มรวมทั้งสิ้น จำนวน 994 ราย จำแนกเป็น

• ผู้ป่วยในประเทศ 993 ราย
• ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย
• ผู้ป่วยสะสม 2,425,244 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
• เสียชีวิต 27 ราย
• เสียชีวิตสะสม 10,577 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
   

• หายป่วยกลับบ้าน 2,111 ราย
• หายป่วยสะสม 2,432,451 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
• ผู้ป่วยกำลังรักษา 15,459 ราย
• จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
• รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 777 ราย

  หมายเหตุ   เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โควิดวันนี้ โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม เมื่อรวมกับผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษา

สถานการณ์โควิดวันนี้ทั่วโลก วันที่ 30 สิงหาคม 2565 เวลา 06:00 น. เว็บไซต์ Worldometers รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 พบว่า.. 

• ผู้ป่วยยืนยัน 606,208,682 ราย
• กลับบ้านแล้ว 581,769,997 ราย 
• ยังรักษาใน รพ. 17,949,381 ราย
• เสียชีวิต 6,489,304 ราย

คลายข้อสงสัยเรื่อง การกักตัวเมื่อติด"โควิด"

• Q: จริงหรือไม่? สธ. ปรับแนวทางรักษาโควิด กลุ่มอาการเล็กน้อย เป็นการกักตัว 5 วัน เว้นระยะห่าง 5 วัน 
• A: ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง  

สำหรับ แนวทางการรักษาโรคโควิด 19 ในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการด้วยรูปแบบ 5+5 คือ แยกกักรักษาที่บ้าน 5 วัน และสังเกตอาการโดยเข้มงวดมาตรการป้องกันตนเองอีก 5 วัน มีข้อมูลวิชาการรองรับ และไม่ได้เป็นการตัดสินใจเองของคนหนึ่งคนใด แต่เป็นการพิจารณาผ่านคณะกรรมการ 

ทั้งนี้ คณะกรรมการวิชาการ ศบค. ชุดเล็ก และศบค. ชุดใหญ่ ถือเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายและทางปฏิบัติ ซึ่งแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 มีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ ความรุนแรงของโรค ความพร้อมของการรักษาพยาบาล ยารักษาและการบริหารวัคซีนป้องกัน

เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ กระทรวงสาธารณสุข หรือโทร. 02 590 1000