svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

เลือกตั้ง 66 สมรภูมิสงขลา “พรรคสีฟ้า” เหมาเข่ง 9 เขตไหวหรือ

ศึกช้างชนช้าง ! ส่องเลือกตั้ง 66 สมรภูมิสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ จัดทัพส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงเลือกตั้งครบ 9 เขตท่ามกลางคู่แข่ง ล้วนชำนาญพื้นที่

เมื่อ “ประชาธิปัตย์” ลั่นกลองรบ  เปิดปราศรัยใหญ่ที่ “หาดใหญ่ สงขลา” ทำให้มองเห็น “ศึกหนัก” ของพลพรรค ปชป. อยู่เหมือนกัน

ล่าสุด “อั๋น” ภูวดล วงษ์โสภณากุล เลขานุการนายก อบจ.สงขลา ได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลงสมัคร ส.ส. โดยเปิดหน้าชนที่เขต 6 สงขลา พื้นที่ อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง ในสีเสื้อรวมไทยสร้างชาติ

ถือเป็นการเปิดตัวก่อน “ประชาธิปัตย์” เปิดปราศรัยแค่ 2 วัน เรียกว่า “เปิดตัดหน้า” หรือ “ตัดไม้ข่มนาม” ก็คงไม่ผิด

พีคไปกว่านั้น “อั๋น” ภูวดล ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “หลานชาย” ของ “ถาวร เสนเนียม” ประธานพรรคไทยภักดี และอดีต ส.ส.เขต 6 สงขลา สมัยยังสังกัดประชาธิปัตย์นั่นเอง

พื้นที่สะเดา คลองหอยโข่ง เป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของ “ถาวร” เคยเป็น ส.ส. ต่อเนื่องถึง 7 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 2 กระทรวง คือ รมช.มหาดไทย (รัฐบาลอภิสิทธิ์) และ รมช.คมนาคม (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) 

แม้ “ถาวร” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และหลุดจาก ส.ส. หลังโดนศาลพิพากษาจำคุกคดี กปปส. แล้วไม่ได้ประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์ จากนั้นเขาได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และย้ายไปสังกัดพรรคไทยภักดี

พื้นที่เขต 6 สงขลา ต้องบอกว่า มีประวัติศาสตร์ หลังจาก “ถาวร” ลาออก ได้มีการเลือกตั้งซ่อม เมื่อวันที่ 16 ม.ค.65 เป็น “ศึกช้างชนช้าง” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ระหว่าง ประชาธิปัตย์ กับ พลังประชารัฐ

สุภาพร กำเนิดผล

ประชาธิปัตย์ส่ง “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล ที่ลาออกจากรองนายก อบจ.สงขลา มาสู้ศึก โดย “น้ำหอม” เป็นภรรยาของ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา เขต 5 ประชาธิปัตย์ ซึ่งเพิ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ จึงมีเดิมพัน “แพ้ไม่ได้”

ไม่พลาด “พลังประชารัฐ” ส่ง “คนรุ่นใหม่” น้องโบ๊ต อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ลงสมัคร แม้จะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้แพ้ขาด คะแนนห่างกันเพียง 5 พันคะแนน แถมยังมีความผิดพลาดทางเทคนิค คือ “ผู้กองธรรมนัส” ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

 อนุกูล พฤกษานุศักดิ์

เคยได้ปราศรัยเปรียบเทียบ “คนรวย-คนจน” แนว ๆ เป็นนัย “น้องโบ๊ต” เป็นลูกคนรวย ลูกนักธุรกิจใหญ่ จึงสมควรเป็น ส.ส.มากกว่าคู่แข่ง เพราะดูแลประชาชนได้ ทว่าวาทกรรมแบบนี้ไม่ถูกใจ “คนใต้” จึงโดนประชาธิปัตย์ขย้ำจมเขี้ยว

หากย้อนดูคะแนนของ “น้องโบ๊ต” สะท้อนพื้นที่ เขต 6 สงขลา น่าจะต้องการ “คนรุ่นใหม่” ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง คะแนนของ “น้องโบ๊ต” ที่แพ้แค่ 5 พัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ถาวร” วางเฉย ไม่ได้ช่วยฝ่ายไหน เพราะรู้จักทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญยังสนิทกับพ่อของ “น้องโบ๊ต” ที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ในพื้นที่ รวมถึงเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสะเดาอีกด้วย

เลือกตั้ง 66 สมรภูมิสงขลา “พรรคสีฟ้า” เหมาเข่ง 9 เขตไหวหรือ

ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษการเมือง “ถาวร” ก็มีมารยาทพอ เพราะเพิ่งออกจาก “ประชาธิปัตย์” และเก้าอี้ ส.ส.ตัวนี้ ก็เป็นของ “ประชาธิปัตย์” มาก่อน

สุภาพร กำเนิดผล , ถาวร เสนเนียม , อนุกูล พฤกษานุศักดิ์

คิดในทางกลับกัน หาก “ถาวร” เทคะแนนให้ “น้องโบ๊ต” ผลการเลือกตั้งอาจไม่เป็นแบบนี้ เช่นเดียวกับวันนี้ “อั๋น” หลานถาวร ที่ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 สงขลา เขตเดิมของ “ถาวร” ถ้าพลิกเกมไปช่วยหลานสุดกำลัง “ประชาธิปัตย์” ย่อมมีหนาวเหมือนกัน

แล้วต้องไม่ลืมสงขลาไม่ใช่ “เมืองหลวง” ของประชาธิปัตย์ เหมือนเมื่อก่อนที่เคยกวาดยกจังหวัดมาหลายสมัยอีกแล้ว เพราะการเลือกตั้งปี 62 ได้มาแค่ 3 เก้าอี้ จาก 8 เก้าอี้ แพ้ “พลังประชารัฐ” ที่ได้มา 4 เก้าอี้ แถมยังเสียให้ “ภูมิใจไทย” ไปอีก 1 เก้าอี้

เลือกตั้ง 66 ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ “อั๋น ภูวดล” ไม่ได้ลง ส.ส. ในสีเสื้อไทยภักดี แต่ไปเปิดตัวกับ “รวมไทยสร้างชาติ” สะพัดยังมีกระแสวงใน “ไทยภักดี” จะไม่ส่ง ส.ส. ที่สงขลาเลยแม้แต่เขตเดียว เพื่อหลีกทางให้ “รวมไทยสร้างชาติ” แบบนี้ “ประชาธิปัตย์” ยิ่งถูกรุมกินโต๊ะหรือเปล่า ขณะที่ “ไทยภักดี” หวังแค่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เท่านั้น

เลือกตั้ง 66 สมรภูมิสงขลา “พรรคสีฟ้า” เหมาเข่ง 9 เขตไหวหรือ

ชัดเจน “ถาวร” บอกเอาไว้แบบนี้ “รัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ นั่นคือ บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 ใบ และบัตรเลือกตั้งพรรค 1 ใบ ทำให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือก 2 อย่าง เขาจะเลือกคนที่เขารัก หรือเลือกพรรคที่เขาชอบ แล้ว “ถาวร” บอกทิ้งท้าย สงขลา ขอใช้สิทธิสนับสนุนพรรคการเมือง ผู้ลงสมัคร ส.ส. เขต แล้วคอยหนุนคนที่เหมาะสม

ทว่างานนี้ “ลุงถาวร” หนุนหลานล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะมีคลิปอวยพรให้หลานเป็น ส.ส.ด้วย

สมรภูมิสงขลารอบนี้ ต้องยอมรับ “ประชาธิปัตย์” หวัง “ล้างอาย” กวาด ส.ส.สงขลาให้ได้ยกจังหวัดในการเลือกตั้งหนนี้ ครั้งที่แล้วเสียหน้าอย่างหนัก เนื่องจากได้ไม่ถึงครึ่ง (3 ที่นั่งจาก 8 ที่นั่ง) ทั้งที่ก่อนหน้านี้กวาดยกจังหวัดมาตลอดตั้งแต่ปี 2535

นิพนธ์ บุญญามณี

ที่สำคัญเลือกตั้งครั้งนี้ “แม่ทัพใหญ่ภาคใต้และสงขลา” เปลี่ยนจาก “นิพนธ์ บุญญามณี” มาเป็น “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่ “ประชาธิปัตย์” ที่เป็น ส.ส.สงขลา ยังไม่พอ ภรรยา  “น้ำหอม” ก็เป็น ส.ส. สงขลา จากการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 ด้วย

งานนี้จึงเป็น “ศึกวัดบารมีนายกชาย” ไม่ต่างจากตอนเลือกตั้งซ่อมคือ “แพ้ไม่ได้” เช่นกัน

ขณะที่ “นิพนธ์” ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และ ผอ.เลือกตั้งของพรรค ก็ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อส่งลูกชาย “สรรเพชญ บุญญามณี” เข้าสภาให้ได้ หลังจากที่พลาดท่าเมื่อปี 62

สรรเพชญ บุญญามณี

ชัยชนะที่วาดหวัง ต้องบอก “ไม่ง่าย” เพราะเก้าอี้ที่เคยเสียไป คนที่ได้เป็น ส.ส. เมื่อปี 62 ก็ไม่ได้อยากจะคายคืนให้ แถมยังมีผู้สมัครจากพรรคใหญ่พาเหรดเปิดตัวกันอย่างคึกคัก อาทิ ภูมิใจไทย เปิดตัวและเปิดปราศรัยไปแล้วที่หาดใหญ่ เมื่อ 19 ก.พ. มีว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 8 เขต ว่างเพียงเขต 6 ภายใต้การนำของ “แม่ทัพภาคใต้” พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สามีของ “นาที รัชกิจประการ” เจ้าแม่พัทลุง

ขุนพลลงสู้ศึก “ภท.” ไม่ธรรมดาเช่นกัน ว่าที่ผู้สมัครของภูมิใจไทยมีชื่อ “ไพร พัฒโน” อยู่ในเขต 3 “ไพร” เป็นอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และเป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ อีกคน “ณัฏชนน ศรีก่อเกื้อ” ส.ส. เก่า เขต 7 ที่ฝ่ากระแส “ลุงตู่” รวมถึงกระแสพรรคเก่าแก่มาได้  โดยคราวนี้ยังลงรักษาเก้าอี้ในเขตเดิม ท่ามกลางกระแสยังแรงดีไม่มีตกเอาเสียด้วย

เจือ ราชสีห์

ขณะที่สนามสงขลา เขต 1 ลูกชายของ “นิพนธ์” ต้องชนกับ “เจือ ราชสีห์”  อดีต ส.ส.เขต 1 ถึง 4 สมัย ในสีเสื้อประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 62 ที่ไม่ได้ลงเขต เพราะ “สรรเพชญ บุญญามณี” ลูก “นิพนธ์” ลงแทนแล้วก็พ่ายไป ที่ผ่านมา “เจือ ราชสีห์” ต้องเจ็บช้ำระกำใจที่ต้องไปลงปาร์ตี้ลิสต์ อยู่อันดับไกลลิบ เพิ่งเลื่อนลำดับได้เป็น ส.ส. เมื่อ ก.ย.ปี 65 ที่ผ่านมา

ในศึกเลือกตั้งปี 66 ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ส่งลงอีก เคาะส่งลูกชาย “นิพนธ์” ลงแก้มือ ทำให้ “เจือ” ย้ายไปซบรวมไทยสร้างชาติ หวังผนึกกระแส “ลุงตู่” ผงาดกลับเข้าสู่สภารอบนี้

กรณ์ จาติกวณิช

สมรภูมิเลือกตั้งสงขลา 9 เขตเลือกตั้ง คู่แข่งรู้ทางกันดี ทั้งเขต 1 เขต 3 พรรคการเมืองอย่างชาติพัฒนากล้า ภายใต้การนำของ “กรณ์ จาติกวณิช” พรรคกล้า เคยส่งผู้สมัครลงชิมลางตอนเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลามาแล้ว เลือกตั้งใหญ่เที่ยวนี้ ก็ชิงเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครตั้งแต่ไก่โห่ เปิดเวทีไปแล้วเมื่อเดือน 17 ธ.ค.ปีที่แล้ว ที่หาดใหญ่

จรัญ นุ่มแก้ว หรือ จุรี แหลงเล่า

โดยหนึ่งในว่าที่ผู้สมัครที่สร้างกระแสฮือฮาอย่างมาก คือ “จรัญ นุ่มแก้ว” หรือ “จุรี แหลงเล่า” Infuencer ชื่อดัง และดาวติ๊กต็อกของภาคใต้ ขวัญใจคนรากหญ้า ลงแข่งในนาม “ชาติพัฒนากล้า” ย่อมประมาทไม่ได้

ขณะพื้นที่เขตชายแดน “พื้นที่รอยต่อ” กับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าง อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี ก็เป็นพื้นที่ความหวังของพรรคประชาชาติ  เพราะพี่น้องมุสลิมเยอะ พรรคประชาชาติ ส่งว่าที่ผู้สมัคร ที่มีฐานเสียงลงสู้ศึกเช่นกัน อาทิ “อาจารย์เบน” อับดุลเราะมัน มอลอ ลงเขต 7

(ซ้าย) วันมูหะมัดนอร์ มะทา อับดุลเราะมัน มอลอ (ขวา)

เคาะ ดร.มังโสด หมะเต๊ะ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีสันติวิทย์สงขลา โรงเรียนที่รับดูแลเด็กกำพร้า เด็กมีปัญหาทุกรูปแบบ ทั้งจากสถานการณ์ความรุนแรง และความยากจน หรือพ่อแม่หย่าร้างกัน  ลงพื้นที่เขต 8 ชูธงปลุกกระแสมุสลิม “ต้านกัญชา” หวังล้มภูมิใจไทย ซิวเก้าอี้ ส.ส. มาให้ได้เช่นกัน

ดร.มังโสด หมะเต๊ะ (ขวา)

ในที่สุดแล้วทั้งหมดนี้คือ งานไม่ง่ายของ “ประชาธิปัตย์” หากหวังจะกวาดยกจังหวัดที่สงขลาอย่างเช่นการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่านมา เปรียบคำพูดที่โดงดังติดปาก “ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ไม่พลาด” หากแปะแบรนประชาธิปัตย์เอาไว้ รอบนี้คงไม่เป็นดั่งที่เคยวาดหวังเอาไว้ ศึกเลือกตั้งครานี้จะพิสูจน์คน พิสูจน์พรรคในยามที่ปิดหีบเลือกตั้งผลแพ้ชนะคงต้องลุนกันต่อจากนี้ไป...!!!