
คลี่โจทย์ สูตรกติกา เลือกตั้ง 66 บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ “กาพรรคที่ใช่ เลือกคนที่ชอบ” ทำให้ “พรรคการเมือง” ต้องปรับเกมรูปแบบสมการ
กติกาข้อมูลคำนวน ส.ส. 400 เขต เลือกตั้งคู่ขนาน ระบบปาร์ตี้ลิสต์ เคาะคิดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง2566 66,090,475 คน เฉลี่ย 165,226 คน ต่อ ส.ส. 1 เก้าอี้ บนสมรภูมิการเมืองอุณหภูมิร้อนฉ่า ในช่วงโค้งสุดท้ายสิ้นอายุขัย “รัฐบาลลุงตู่” ก่อนการเลือกตั้ง 66 ศึกการเลือกตั้งครั้งใหม่จะบังเกิดขึ้น !!
พรรคการเมือง งัดสารพัดกลยุทธ์ยกแรก “กระสุน-กระแส” เริ่มฉายภาพความดุเดือดทยอยขายนโยบาย โชว์ปังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. “เกรดเอ-เกรดบี” หน้าเก่าเก๋าเกม หน้าใหม่ตระกูลดังในหลายโซนพื้นหลายจังหวัด ตั้งเป้าคว้า ส.ส. กุมชัย ทอฝันแกนนำจัดตั้ง “รัฐบาล” ปูทางเข้าสู่ชัยชนะเพื่อเข้าบริหารประเทศกุมศูนย์กลางอำนาจรัฐ “ทำเนียบรัฐบาล” เพื่อหวังนั่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรีคนที่ 30"
หมากเกม “ธุรกิจการเมือง” สะพัดบางพรรค “แจกกล้วย” กว้านซื้อตัว ส.ส. โชว์พลังดูดกวาดต้อนเข้ามุ้งส่องสุ่มกำลังพลเตรียมลงสมรภูมิสนามสู้ศึกเลือกตั้ง66 ข้อเท็จจริงสะท้อนออกมาบรรดา ส.ส.หลายพรรค ทยอยไขก๊อก โยกย้ายไหลซบไปสังกัดพรรคใหม่
ประเดิมความร้อนแรง 5 อันดับพรรคโค้งแรก ก่อนเปิดศึกสมรภูมิเลือกตั้ง 66
พรรคอันดับหนึ่ง “เพื่อไทย” เนื้อหอมบุญเก่าคนแดนไกลยังแรง “เพื่อไทย” รังสีแดงท่วมปฐพี มุ่งมั่นดันแลนด์สไลด์ โชว์พลังนารี “อุ๊งอิงค์” สองแรงบวกอุ้มท้องขี่หลังคนแดนไกลตระเวนหาเสียง คู่แม่ทัพฝีปากกล้า “ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ” หรือเต้น สภาโจ๊ก ลุยฟาดหัวยกหาง เจาะไข่แดงพื้นที่ราบสูงยังขยับนำเป็นจ่าฝูงตลอดบนสนามโพล
พรรคอันดับสอง “ภูมิใจไทย” ค่ายสีน้ำเงิน “เสี่ยหนู” อาสาลุยช่วยราชสีห์สลัดบ่วงนำ “ยุทธศาสตร์ยกจังหวัด” เสริมแกร่ง “ตอกเสาเข็ม” สวมบทบาทป๋าสายเปย์ “พูดแล้วทำ” เสริมพลังดูดควักจ่ายเจ้าบุญทุ่ม ส่งซิกสัญญาใจพื้นที่ไหนเหม่าเข่ง ส.ส. ยกเมือง เอาไปเลย 1 เก้าอี้ “รัฐมนตรี” ต่อเติมเพิ่มฝันขยายอาณาจักรพรรคภูธรออกจากฐานใหญ่เขากระโด่ง “เซราะกราว” ลุยขนทัพเสมือนดอกไม้ผลิแย้มสยายกิ่งก้านสาขาสู่พื้นที่เมืองหลวง หวังแบ่งเก้าอี้ ส.ส.กทม.
ตลอดช่วงที่ผ่านมาจะปรากฎความเคลื่อนไหว ของ ส.ส. ในการย้าย ค่าย ข้อมูลในช่วงกลางเดือนธันวาคม พบว่า มีจำนวน ส.ส. ลาออกไปแล้วจำนวน 39 ราย พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. จากคำพิพากษาของศาล จำนวน 14 ราย และถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 8 ราย คงเหลือจำนวน ส.ส. 439 ราย แบ่งได้ดังนี้
คลี่บัญชี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล 248 ราย
พรรคพลังประชารัฐ 83 ราย พรรคภูมิใจไทย 62 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 51 ราย พรรคเศรษฐกิจไทย 14 ราย พรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 ราย พรรคพลังท้องถิ่นไทย 5 ราย พรรครวมพลัง 4 ราย พรรคชาติพัฒนา 3 ราย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 ราย ที่เหลือเป็นพรรคเล็ก ส.ส. 6 ราย แบ่งเป็นพรรคละ 1 ราย ได้แก่ พรรครวมแผ่นดิน, พรรคเพื่อชาติไทย, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคพลเมืองไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่
ฝั่งพรรคฝ่ายค้าน รวม 192 ราย ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 123 ราย พรรคก้าวไกล 45 ราย พรรคเสรีรวมไทย 10 ราย พรรคประชาชาติ 6 ราย พรรคเพื่อชาติ 6 ราย ที่เหลือเป็นพรรคเล็ก ส.ส. 2 ราย แบ่งเป็นพรรคละ 1 ราย ได้แก่ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคไทยศรีวิไลย์
จำนวน ส.ส.ที่ลาออก-พ้นสภาพ-ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ในสภาสมัยเดียวกันนี้ อาจจะติดโผมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475
ถลกมุ้ง 34 ส.ส.เลือดไหลซบพรรคภูมิใจไทย
บนความเคลื่อนไหว “พลังดูด” มากที่สุด คงหนีไม่พ้น “พรรคภูมิใจไทย” อนุทิน ชาญวีรกูล หรือเสี่ยหนู รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ราศีจับมีบรรดา ส.ส.ต่อสาย ดีลขอเข้าร่วมพรรคจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นระดับ “บิ๊กเนม-บ้านใหญ่” แทบทั้งสิ้น เช่น ในพื้นที่ กทม. นำโดย “จักรพันธ์ พรนิมิตร” แกนนำมุ้ง กทม. พปชร. ร่วมกับ บี “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีตแกนนำ พปชร.ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง นำทีมสู้ศึกเมืองหลวงในการเลือกตั้ง66 นอกจากนี้ ยังดูด ซุ้ม “เมืองกาญจน์” นำตระกูล “โพธิพิพิธ” จาก พปชร.มาเสริมทัพ
ส่วนบรรดา ส.ส. อีสานตอนล่างในพื้นที่จ.ศรีสะเกษ บ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ยังโยกย้ายจากพรรค “เพื่อไทย” เข้า “ค่ายสีน้ำเงิน” หลายราย รวมถึง “จักรพรรดิ ไชยศาสน์” ลูกชาย “ประจวบ ไชย์ศาสน์” แห่ง จ.อุดรธานี ด้วย ขณะที่ ส.ส. “งูเห่า” จากพรรคก้าวไกล จำนวน 5 ราย พาเหรดมารายงานตัวอยู่กับพรรคภูมิใจไทยกันครบครัน หลังมานั่งทำงานในเก้าอี้สีน้ำเงินมานานแล้วตั้งแต่ในสภา มากจากพรรคพลังประชารัฐ 13 รายล้วน “เกรดเอ” ได้แก่
1.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร อดีต ส.ส.กทม.
2.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ อดีตส.ส.กทม.
3.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ อดีตส.ส.กทม.
4.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีตส.ส.ชัยนาท
5.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ อดีตส.ส.ชัยภูมิ
6.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ อดีตส.ส.นครปฐม
7.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ อดีตส.ส.เพชรบุรี
8.นายอนุชา น้อยวงศ์ อดีตส.ส.พิษณุโลก
9.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช อดีตส.ส.ลพบุรี
10.นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ อดีตส.ส.กาญจนบุรี
11.นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ อดีตส.ส.กาญจนบุรี
12.นายสุชาติ อุสาหะ อดีตส.ส.เพชรบุรี
13.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ อดีตส.ส.กาญจนบุรี
พรรคเพื่อไทย จำนวน 8 ราย ได้แก่
1.นายธีระ ไตรสรณกุล อดีตส.ส.ศรีสะเกษ
2.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตส.ส.กทม.
3.นายนิยม ช่างพินิจ อดีตส.ส.พิษณุโลก
4.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น อดีตส.ส.อุดรธานี
5.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีตส.ส.นครนายก
6.นายสุชาติ ภิญโญ อดัตส.ส.นครราชสีมา
7.นายนพ ชีวานันท์ อดีตส.ส.พระนครศรีอยุธยา และ
8.นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ อดีตส.ส.เชียงราย
พรรคก้าวไกล จำนวน 5 ราย ได้แก่
1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี
2.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย
3.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย
4.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
5.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) จำนวน 3 ราย ได้แก่
1.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก
2.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี
3.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวน 1 ราย ได้แก่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี
พรรคเพื่อชาติ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาภิวัฒน์ จำนวน 1 ราย ได้แก่ น.ส.นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคชาติพัฒนา จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร
พรรครวมพลัง จำนวน 1 ราย ได้แก่ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคอันดับสาม “รวมไทยสร้างชาติ” หรือ รทสช. พรรคใหม่ปักหมุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เริ่มมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น หลังสมัครสมาชิก นั่งประธาน รทสช. หารือทางการเมืองกับ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 40 ราย สำหรับ ส.ส. ส่วนใหญ่ที่เตรียมย้ายซบพรรค รทสช. ล้วนมีพื้นเพมาจาก “พปชร.” และบรรดา “ส.ส.นกแล” ในพื้นที่ภาคใต้ ที่เข้าสภาเมื่อปี 2562 มาด้วย เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ เช่น สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นต้น
ในสถานการณ์ ที่อุณหภูมิการเมืองเริ่มปะทุ ยังคงไม่มีการเปิดตัว ส.ส. ที่ย้ายไปซบ “รทสช.” อย่างเป็นทางการ แต่เบื้องต้นมี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 40 ราย ที่พร้อมจะเข้าร่วมกับ ส่วนใหญ่มาจาก “พปชร.” และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
พรรคอันดับสี่ “พปชร.” ระส่ำอย่างหนัก!! ในสถานการณ์ “บิ๊กตู่” ไผ่แยกกอ “บิ๊กป้อม” แยกกันสร้างดาวคนละดวง ยังถูก “ภูมิใจไทย” ดูด ส.ส.ระดับ “บิ๊กเนม-บ้านใหญ่” ไปอีกกว่า 20 ราย ยังคงเหลือ “ส.ส.เกรดเอ” หลายราย ยอมร่วมหัวจมท้ายกับพรรคสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป ขณะที่ “เพื่อไทย” ได้แต่อมยิ้ม กับเหตุการณ์ “ตกปลาในอ่างพี่” ของ “รทสช.-พปชร.” พรรคพี่พรรคน้องกัน
นับตัวเลข “ส.ส.เกรดเอ” ที่ยังจับกลุ่มเหนียวแน่น “พปชร.” พบว่า “กลุ่มปากน้ำ” ตระกูล “อัศวเหม” นำทัพ มี “ต่อศักดิ์ อัศวเหม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ คอยดูแลในสภา ขณะที่ เอ๋ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” หัวหน้าซุ้มปากน้ำ คอยบัญชาการหลังม่าน โดยกลุ่มปากน้ำ เดินหมากเกมหลายชั้น ส่ง “เพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม” บุตรสาว “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” คู่จิ้น “เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชาย “เสี่ยหนู” ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย “กลุ่มเพชรบูรณ์” ยังอยู่กับ พปชร. นำโดย “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และ “กลุ่มกำแพงเพชร” นำโดย “วราเทพ รัตนากร” เงาบัญชาการหลังฉาก ขณะเดียวกัน “กลุ่มโคราช” ตระกูล “รัตนเศรษฐ” ยังคงปักหลักอยู่ “พปชร.” เหนียวแน่น เยือนถิ่นสะตอ บรรดา ส.ส. นกแลในพื้นที่ภาคใต้ มีอย่างน้อย 8 ราย ใน 5 จังหวัด ยังคงยืนยันปักหลักอยู่กับ “บิ๊กป้อม” สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า เคาะแล้วกางบัญชี ส.ส.ที่ยังคงปักหลักอยู่กับ “พปชร.” มีอยู่ในมือกว่า 34 ราย
ส.ส.กลุ่มปากน้ำ 7 ราย ได้แก่
ส.ส. กลุ่มเพชรบูรณ์ 6 ราย ได้แก่
กลุ่มโคราช 5 ราย ได้แก่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่) นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นางทัศนียา รัตนเศรษฐ (ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่) นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ (ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่) ส.ส. กลุ่มกำแพงเพชร 3 ราย ได้แก่ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ นายอนันต์ ผลอำนวย นายปริญญา ฤกษ์หร่าย
ส.ส. กลุ่มสระแก้ว 3 ราย ได้แก่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายฐานิสร์ เทียนทอง นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์
ส.ส.กลุ่มสิงห์บุรี 2 ราย ได้แก่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
กลุ่ม ส.ส.ใต้ 8 ราย ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช 3 ราย คือนายรงค์ บุญสวยขวัญ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง และนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จ.ภูเก็ต 2 รายคือ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง และนายนัทธี ถิ่นสาคู จ.ตรัง 1 ราย คือนายนิพันธ์ ศิริธร จ.นราธิวาส 1 ราย คือ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ จ.ยะลา 1 ราย คือนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ
ขั้วฝ่ายค้าน นำโดย “พรรคเพื่อไทย” แม้จะมี “เลือดไหล” ออกจากพรรรจำนวนหนึ่ง ได้เตรียมตัว ส.ส. มาลงพื้นที่แทนไว้แล้ว อาศัยบุญเก่ากระแส “ชินวัตร” จะนำพา “แลนด์สไลด์” ได้เลือกตั้งใช้สูตรเดิม โดยเชื่อว่า จะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 250 ที่นั่ง
ล่าสุด “เพื่อไทย” เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ “กทม. -ภาคอีสาน- ภาคใต้ และภาคกลาง” เพิ่ม 45 คน ไม่ร่วม “บิ๊กเนม ขาเก๋า” ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ในพื้นที่ “ ภาค กทม.” จำนวน 6 คน ได้แก่
“ภาคอีสาน” 24 คน จ.กาฬสินธุ์ ได้แก่ 1. นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล 2. นายพีระเพชร ศิริกุล 3. นายประเสริฐ บุญเรือง จ.ขอนแก่น ได้แก่ 1. น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ 2. นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข 3. น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ จ.นครพนม ได้แก่ 1. นายไพจิต ศรีวรขาน 2. นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ จ.บึงกาฬ ได้แก่ 1. น.ส.ภัทรพร ราชป้องขันธ์ 2. นายไตรรงค์ ติธรรม
จ.มุกดาหาร ได้แก่ 1. นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์ จ.สกลนคร ได้แก่ 1. น.ส.จิรัชยา สัพโส 2. น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล จ.หนองบัวลำภู ได้แก่ 1. นายณพล เชยคำแหง จ.อุดรธานี ได้แก่ 1. นายศราวุธ เพชรพนมพร 2. นายอนันต์ ศรีพันธุ์ 3. นายขจิตร ชัยนิคม 4. นายกรวีร์ สาราคำ 5. นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ 6. นายธีระชัย แสนแก้ว 7. นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม 8. นางเทียบจุฑา ขาวขำ 9. นายวัชรพล ขาวขำ จ.มหาสารคาม ได้แก่ 1. นายรัฐ คลังแสง “ ภาคใต้” จำนวน 2 คน จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ 1. น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ และ จ.ยะลา ได้แก่ 1. นายอิสกานดา สาแม
“ภาคกลาง” จำนวน 13 คน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้แก่ 1. นายจิรทัศ ไกรเดชา 2. นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ จ.นครปฐม ได้แก่ 1. น.ส.ธนัญญา พันธุ์การรุ่ง 2. นายทรงพล ชูศิลป์กุล 3. นายวินัย วิจิตรโสภณ 4. นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว 5. นายธนกร เชาวนเมธา จ.ระยอง ได้แก่ 1. นายพเนตร วงษ์ไพศาล 2. นายภีมเดช อมรสุคนธ์ 3. นายชัยณรงค์ สันทัสนะโชค 4. นายวิเชียร สุขเกิด 5. นายวิชัย ล้ำสุทธิ จ.นนทบุรี ได้แก่ 1. นายนพดล แก้วสุพัฒน์
“พรรคก้าวไกล” ที่ตอนนี้แม้อ่อนกำลังลงไปมาก ขาดเสาหลัก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นตัวชูโรงเหมือนปี 62 กระแสคงพอขายได้ในพื้นที่ “กทม.-เขตเมืองปริมณฑล ภาคกลาง ภาคอีสานบางจังหวัด” โดยแกนนำพรรคบวกลบคูณหารเคาะเลขการเมือง เชื่อว่า คงได้ไม่ต่ำกว่า 40-50 ที่นั่ง ในสถานการณ์ที่กระสุนดินดำหดลดลง
ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “ค่ายสะตอ” ที่ตอนนี้ต้านทาน “พลังดูด” พรรคอื่นไม่ไหว แกนนำระดับ “บิ๊กเนม” ย้ายไปจำนวนมาก ที่สำคัญตัวลงสมัคร ส.ส.ครั้งหน้า ต่างเป็น “เกรดบี-เกรดซี” ทำให้อาจพ่ายแพ้ได้ นอกจากนี้ยังมีแรงกระเพื่อมภายใน คลื่นใต้น้ำจากแกนนำพรรคบางส่วน ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางบริหารงานของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรค และ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรค ทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจเกิดเหตุการณ์ “สูญพันธุ์” หนักกว่าการเลือกตั้งปี 2562
อันดับที่ห้า “พรรคไทยสร้างไทย” ที่กำลังอยู่ดีลควบรวมพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นำโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ประธานพรรค และ 2 กุมาร “อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะกติกาใหม่ บัตร 2 ใบ ไม่เอื้อประโยชน์กับพรรค นอกจากนี้ยังมีปัญหาภายในจากแกนนำพรรคบางรายแย่งชิงตำแหน่งในการบริหาร ส่วน “ส.ส.บิ๊กเนม-เกรดเอ” ไม่มาตามนัด ทำให้เหลือแค่ “ส.ส.เกรดบี-เกรดซี” เท่านั้น
ไม่ต่างกับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เจ้าแม่เมืองหลวง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แม้จะมีตัวดีอยู่บ้าง แต่คาดว่า คงสู้กระแส “ชินวัตร” ของเพื่อไทยยาก ความเป็นไปได้คงมีแค่ภาคอีสานบางจังหวัด และในพื้นที่ กทม.เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องยุบรวมพรรคเคาะชื่อร่วมกันในนาม “พรรคไทยสร้างไทย” เพื่อขยับดีดตัวเลข ขึ้นมาเป็นพรรคตัวแปรขนาดกลาง
นั่นคือ โหมโรง ภาพรวมหน้าตา ส.ส. โยกย้าย ส.ส.ช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนการเปิดศึกเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะมาถึง ก่อนสภาครบวาระ 23 มี.ค. 2566 คงต้องรอดูช็อตเด็ดอีกครั้งในการเปิดสมรภูมิรบเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้...!!!