svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

เคลียร์ปมผู้ถืออำนาจรัฐ ย่อมได้เปรียบในการ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (ชมคลิป)

09 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วันที่ 9 เดือนมกราคม เก้าแรกแห่งปี ก้าวแรกของ"พลเอกประยุทธ์" สู่ รวมไทยสร้างชาติ ก้าวแรกของการแยกทัพ 3 ป. ท่ามกลางการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ผู้ถืออำนาจรัฐย่อมได้เปรียบ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (คลิป)

"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์" สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีหมาดๆ  และ "รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต.และสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ผู้ติดตามตรวจสอบจังหวะก้าวของ"พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา"  นายกรัฐมนตรี ในการเดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว 

 

"ประยุทธ์" เปิดตัว รทสช. ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง?

 

"วราวิทย์" : นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 9 มกราคม เวลาบ่ายโมง การเดินทางก็จะไม่ถือว่าอยู่ในตำแหน่งข้าราชการแล้วหรือป่าว จะได้ไม่ต้องมีความเสี่ยงในการผิดกฎหมายไปเปิดตัวกับรวมไทยสร้างชาติ อาจารย์สมชัยเตือนขู่นายกฯทุกวันท่านเลยลากิจให้หมดเรื่อง มันหมดความเสี่ยงแล้วมั้ยครับ

 

"รศ.สมชัย":  ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เราพยายามมองในแง่มุมทางกฎหมายที่อาจจะเป็นปัญหา แล้วก็ใช้ประสบการณ์ในฐานะที่เป็นอดีตกกต.ว่ามันมีเรื่องราวอะไรบ้างซึ่งต้องพึงระมัดระวัง อย่างตอนนี้เท่ากับว่าสบายแล้วแหละในเชิงของท่านก็ไม่ได้ใช้เวลาราชการเพราะท่านลากิจไป

 

ส่วนที่สองเรื่องของการเดินทางเข้าใจว่าท่านคงระมัดระวังในการที่จะไม่ใช้ยานพาหนะของหลวงหรือไม่ใช้ตำรวจติดตามเป็นต้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

เคลียร์ปมผู้ถืออำนาจรัฐ ย่อมได้เปรียบในการ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (ชมคลิป)  

"ประเด็นที่อาจจะเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องของการจัดประชุม  เพราะการจัดประชุมซึ่งมีคนจำนวนมากๆ ไปใช้สถานที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์  มีต้นทุนค่าใช้จ่าย เกรงว่าจะมีการจัดเลี้ยง ซึ่งถ้ามีประเด็นการจัดเลี้ยงเกิดขึ้น อาจจะเป็นประเด็นนำไปสู่การร้องขึ้นมาได้ ทำไมมีการจัดเวทีปราศรัยแล้วมีการเลี้ยงอาหาร หรือมีรถรับส่ง ซึ่งตรงนี้พรรคการเมืองทุกพรรคไม่ใช่เฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติต้องระวัง ทุกพรรคการเมืองจะจัดเปิดตัวอีเว้นท์อะไรต่างๆ ไม่สามารถขนคนมาได้ เอารถไปรับคนมาไม่ได้ หรือเอาคนมาแล้วมาจ่ายค่าเดินทางพาหนะต่างๆก็ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งการจัดเลี้ยงก็เข้าข่าย" 

"วราวิทย์":  มีอาหารว่างเครื่องดื่มได้หรือไม่ 

"รศ.สมชัย":  ผมใช้คำว่าลำบากใจดีกว่านะ เพราะปกติแล้วเวลาเราไปประชุมตามโรงแรมเนี่ยมันมีอยู่แล้ว คือถ้าเป็นสมัยผมเลี่ยงไม่ได้ถือเป็นมูลค่า ผมก็ไม่แน่ใจกกต. ชุดใหม่จะตึงแบบนี้หรือไม่นะ แต่ก็เป็นประเด็นที่พึงระมัดระวังไว้ก่อน อย่าให้มีจุดอ่อนให้กลายเป็นประเด็นร้องเรียนกัน

เคลียร์ปมผู้ถืออำนาจรัฐ ย่อมได้เปรียบในการ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (ชมคลิป)

"วราวิทย์": คุณแรมโบ้ทราบมาก่อนมั้ยว่านายกฯจะลากิจช่วงบ่ายวันนี้

"ดร.เสกสกล":  เรื่องนี้ได้มีการเตรียมการไว้แล้วครับ  คุณพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค เป็นนักกฎหมายเป็นคนละเอียดในเรื่องข้อกฎหมาย 

 

"วราวิทย์": ผมสงสัยเรื่องการเดินทางยังไง นายกฯก็ยังเป็นนายกฯอยู่ตลอดเวลา ต้องใช้ทีมรักษาควมปลอดภัยเทียบเท่า ถึงแม้งานนั้นจะเป็นงานไปหาเสียงก็ตาม

 

"ดร.เสกสกล" : ในระดับผู้นำถือว่าเป็น VIP เรื่องจะไปใช้ตำแหน่งในเวลานอกราชการเราก็ดูอยู่ อะไรที่เหมาะสมไม่เหมาะสมยังไงต้องให้ความสำคัญครับ

 

"วราวิทย์" ถึงอย่างไร มาตรการการรักษาความปลอดต้องเข้มงวดตามสถานะพล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม

"ดร.เสกสกล": ไม่ใช่เข้มงวดเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ พี่น้องประชาชนที่เดินทางมาด้วยที่เดินทางมาให้กำลังใจหรือมาร่วมประชุมในวันนี้ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

"วราวิทย์": ถามว่า ข้อวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จากการ สนับสนุนของพรรคพลังประชารัฐ แต่กลับมาเปิดตัวแคนดิเดตของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นการเสียมารยาททางการเมืองหรือไม่ 

เคลียร์ปมผู้ถืออำนาจรัฐ ย่อมได้เปรียบในการ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (ชมคลิป)

 

"ดร.เสกสกล":  ตอบว่า เรื่องนี้ข่าวสารบ้านเมืองใครก็รู้กันหมดแล้ว ซึ่งหากมองย้อนไป "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"  ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จึงไม่จำเป็นต้องยุบสภาค่อยมาเปิดตัว เพราะถึงเวลาหนึ่งการเมืองเปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องการผิดมารยาทเพราะไม่มีข้อกฎหมายใดห้าม และ"พล.อ.ประยุทธ์" ทำถูกต้องที่จะมาเป็นแคนดิเดต พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะกำลังทำให้การเมืองเป็นบรรทัดฐาน ที่สมัครเป็นสมาชิกของพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้นสิ่งที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ทำถือว่าเดินถูกทางแล้ว ซึ่งกำลังสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็งหาก"พล.อ.ประยุทธ์" ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี อยู่ได้อีก 2 ปี จะมีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องสิทธิส่วนตัว ที่จะย้ายพรรคหรือไปอยู่พรรคไหน  

 

"วราวิทย์": ถามถึง กรณีพล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง คุณพีระพันธุ์  เป็นเลขาธิการนายกฯ และยังแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯอีกหลายคนรวมทั้ง "ดร.เสกสกล"  ซึ่งถูกมองว่าคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับตำแหน่งทางการเมืองจำนวนมาก เป็นการเอาทรัพยากรของชาติไปให้ตำแหน่งพวกพ้องหรือไม่ 

 

"ดร.เสกสกล":  ชี้แจงว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีเงินเดือน รวมถึงตนเองด้วย เราเป็นที่ปรึกษาซึ่งไม่กินเงินเดือนจะตั้งเป็นที่ปรึกษาแบบ "ร้อยแปดเทกระโถน " ก็ได้ แต่ไม่ได้กินเงินเดือนรัฐไม่เสียหายอะไร ซึ่งได้เล็งเห็นความรู้ความสามารถ ทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีตผู้พิพากษา ที่สามารถช่วยรัฐบาลได้มากมาเป็น เลขาธิการพรรค ที่เราต้องการให้พวกเราเป็นคณะที่ปรึกษา จุไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่เสียหายต่อระบบราชการ  

เคลียร์ปมผู้ถืออำนาจรัฐ ย่อมได้เปรียบในการ"เลือกตั้ง66" หรือไม่ (ชมคลิป)

ส่วนมุมมองของ "รศ.สมชัย" มองว่า พล.อ.ประยุทธ์จบสถานะกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ณ วันนี้ หาก"พล.อ.ประยุทธ์" จะไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นสิทธิ และเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นการ ประกาศตัวชัดเจนที่จะทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติเต็มที่ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ไม่จำเป็นต้องยุบสภาก่อน เพราะขณะนี้ถือว่าช้ามากแล้ว เพราะมีบรรยากาศทั้งดูด ทั้งดึง ซึ่งยอมรับว่าการตั้งคณะที่ปรึกษาก็เพื่อทำงานทางการเมือง แต่ให้ระวังเรื่องการขอความร่วมมือให้คนมาฟังพลเอกประยุทธ์ หาเสียง 

 

ขณะที่ "ดร.เสกสกล"  ยอมรับว่าการแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือเลขานุการ ช่วงโค้งสุดท้าย เป็นเรื่องที่พวกเราระมัดระวังยิ่ง การจะใช้อำนาจหน้าที่โดยผิดกฎหมาย ซึ่งต้องละเอียดและระวัง ตนเองอยู่กับนายกรัฐมนตรีมาสู่ปีที่ 8 เห็นอยู่ว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยใช้อำนาจรัฐมาก่อน ไม่เคยใช้หนังสือเวียน เพื่อไปขอความช่วยเหลือระหว่างตรวจราชการในต่างจังหวัด 

 

"วราวิทย์": ถามว่า การเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ มีสูตรมั้ย เพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่ "พล.อ.ประยุทธ์" จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี 

"ดร.เสกสกล" : ทุกอย่างต้องไปดูที่ผลการเลือกตั้ง ว่าจะสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เหมือนในอดีตได้หรือไม่และคิดว่า "พล.อ.ประยุทธ์" คือผู้ที่พรรคจะเสนอขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า แฟนคลับจะสนับสนุน เชื่อว่าการกลับมาดำรงตำแหน่งแม้จะเหลืออีก 2 ปี ทำให้พวกเรามั่นใจ หลังการเปิดตัว "พล.อ.ประยุทธ์" ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เข้ามาจำนวนมาก ขณะนี้ในพื้นที่ ภาคอีสาน ที่ตนเองดูแล ก็มีผู้ขอมาสมัครลงเลือกตั้งกับพรรคเป็นร้อยคนแล้ว ทั้งอดีตส.ส. หรือ อดีตส.จ. ซึ่งเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคต้องพิจารณาต่อไป มั่นใจว่าหลังจากวันนี้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว จะชัดเจนขึ้นแน่นอน 

 

"วราวิทย์": ถามว่า การเดินต่อของ"พล.อ.ประยุทธ์" บริบทไม่เหมือนปี 2562 คิดว่ามีปัจจัยอะไรทำให้"พล.อ.ประยุทธ์" กล้าเดินต่อ 

"รศ.สมชัย":  ตอบว่าจากนี้ไป "พล.อ.ประยุทธ์" จะต้องทำตัวเป็นนักการเมืองเต็มที่ กล้าพูดคุยประชาชนและเสนอวิสัยทัศน์กล้าดีเบตเวทีต่างๆ กล้าพูดคุยแสดงความรู้ความสามารถนโยบายของพรรคการเมืองเพื่อให้ประชาชนคิดตัดสินใจ  หากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งและเห็นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติควรเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่าหนึ่งชื่อ  

 

"วราวิทย์": ถามว่า หากการเลือกตั้งพรรคได้คะแนนที่ 3 หรือ คะแนนที่ 4 มารยาททางการเมืองในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีควรไปรวมกับเสียง ส.ว.250 หรือควรเป็นอันดับที่เท่าไหร่ถึงเสนอนายกรัฐมนตรี 

"รศ.สมชัย": ตอบว่า  ควรให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน  ถ้าไม่สำเร็จพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเป็นที่ 2 ค่อยคิดจัดตั้งรัฐบาล อย่าไปคิดแค่ว่ามีเพียง 25 เสียงเสนอได้ เพราะเท่ากับว่า ขาดมารยาททางการเมือง 

 

"วราวิทย์": ถามว่า  หากได้ 25 เสียงจะเพียงพอหรือไม่ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ต้องรอให้ พรรคที่ได้อันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล 

"ดร.เสกสกล": ตอบว่า จริงๆๆแล้วในอดีต หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยจัดตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเลือกตั้งจากประชาชนเพียง 18 เสียง และไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่ง ซึ่งคิดว่า อยู่ที่จังหวะเวลา และความเหมาะสม มารยาททางการเมืองทุกพรรคย่อมมี แต่หากเป็นพรรคได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง รวมตัวกันไม่ได้ ไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะแค่เพียง คืนเดียวก็รู้เรื่องแล้วว่าพรรคการเมืองใด จะจัดตั้งรัฐบาลได้  

ชมคลิป>>> หลุมพรางเลือกตั้ง 66

 



 

logoline