เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
"รายการคมชัดลึก" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีช่อง 22 ดำเนินรายการโดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย จับกระแสการเมืองสู่โหมดเลือกตั้งเต็มระบบ จับตาดีลลับเพื่อไทย เอาป้อม-ไม่เอาตู่ จับขั้วตั้งรัฐบาล ก่อนเลือกตั้ง
เคลียร์ปม ดีลลับ เพื่อไทย-พปชร.-ส.ว.สาย"ลุงป้อม"
"วราวิทย์" : การประกาศไม่จับมือใครก่อนการเลือกตั้ง อาจแปลความได้ว่าไม่ปฏิเสธจับมือกับใครหลังการเลือกตั้งได้เหมือนกันนะครับ
"ณัฐวุฒิ" : ตรงนี้เรามีเป้าหมายชูธงแลนด์สไลด์ให้ประชาชนเห็นชัดก่อน หากเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้องชนะเด็ดขาดเกินครึ่งแลนด์สไลด์เป็นตัวตั้งเท่านั้น หลังจากนั้นจะต้องเป็นรัฐบาลผสม ผมเคยพูด ต่อให้เพื่อไทยได้ 350 เสียง ก็ยังเชื่อว่าต้องมีรัฐบาลผสม เพื่อความสมดุลทางการเมืองในการทำงานของรัฐบาล
ส่วนจะจับมือหรือไม่จับมือกับใคร การบอกว่ายังไม่จับมือกับใครวันนี้ไม่ได้หมายความว่าเตรียมจะจับมือกับทุกคน เพียงแต่เราอยากจะให้ประชาชนตั้งสมาธิเป้าหมายร่วมกัน ถ้าเพื่อไทยเกิน 250 ไปแล้ว ส่วนตัวผมยังเห็นว่ามิติเดิมๆของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เป็นพรรคการเมืองที่เห็นด้วยกันบ้างเห็นต่างกันบ้าง แต่น่าจะเริ่มต้นทำงานด้วยกันได้ ถ้าถึงวันแบบนั้น พรรคการเมืองที่เขาตั้งขึ้นมาใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลที่เขามีความคล่องตัวมากๆ
"ดังนั้นการที่จะพูดว่าจะจับกับใครไม่จับกับใคร จะทำให้เกิดแต่ความสับสน มีแต่จะทำให้ประชาชนเกิดความพร่าเลือนกับเป้าหมายหลักของเพื่อไทยคือการแลนด์สไลด์ ดังนั้นไม่มีความหมายโดยตรงโดยอ้อมนะครับ วันนี้เพื่อไทยเดินหน้าทางเดียวแลนด์สไลด์เปลี่ยนแปลงรัฐบาล"
"วราวิทย์" : ถ้าประกาศจะไม่จับมือกับใคร คุณณัฐวุฒิไม่คิดว่าจะช่วยเสริมให้เป้าหมายการแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยยิ่งชัดขึ้นหรือ
"ณัฐวุฒิ" : ตอบ การที่เราบอกว่าเราจำเป็นที่จะต้องได้ชัยชนะเกินครึ่งเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้หลักก็คือ ส.ว.250 คน ผมว่าตรงนี้ประชาชนเขาเข้าใจแล้วว่าหากต้องการความเปลี่ยนแปลงต้องมาทางนี้ แต่การที่จะไปประกาศแบบที่ว่า พูดเสร็จมันไม่ได้จบเลย เพราะต้องตอบคำถามอีก เราจะไม่พูดในสิ่งที่เราเห็นว่ามันไม่จำเป็นที่จะมานั่งอธิบาย สิ่งที่เราทำนอกเหนือจากเรื่องความเชื่อมั่น เรื่องแลนด์สไลด์ คือการนำเสนอนโยบาย ก็คือจุดแข็งที่สุดของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ต้น ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบได้เข้าใจแล้วได้ตอบรับมากที่สุด หลังจากยุบสภาจะมีนโยบายอีกชุดหนึ่งออกมานำเสนอต่อประชน ดีกว่าจะมาตอบคำถามที่ถูกสมมติ
"วราวิทย์" : ท่าทีของพรรคเพื่อไทยไม่ได้จับมือกับใครก่อนการเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งค่อยมาว่ากัน แต่ท่าทีของ ส.ว.บางคน ก็มีข้อแม้ในการเลือกคนมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แม้พรรคการเมืองจะได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งก็ตาม
"ณัฐวุฒิ" : เชื่อว่าทุกพรรค รวมถึงพรรค ส.ว. รอดูการเลือกตั้งก่อน ส่วนที่จะมีการประกาศว่าพรรคการเมืองจับมือกับใคร ขนาด ส.ว. 250 คน ยังไม่มีใครพูดชัดว่า ส.ว.ท่านใดจะเลือก "พล.อ. ประยุทธ์" หรือ "พล.อ.ประวิตร" ก่อนการเลือกตั้ง ว่าสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสภาพบ้านเมืองไทย ไม่ได้อยู่ในวิถีของการเลือกตั้งที่พรรค การเมือง ที่ครองเสียงอันดับหนึ่ง ซึ่งคือพรรคเพื่อไทยต้องได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล เพราะมีตัวแปร ทั้งส.ว. 250 คน ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องมีเป้าหมายเรื่องแลนด์สไลด์ที่ชัดเจน
"วราวิทย์" : มองพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นอย่างไร จากที่เคยมีการแบ่งขั้วอำนาจ
"ณัฐวุฒิ" : ผมเจ็บปวดไม่ต่างกัน เมื่อย้อนเหตุการณ์ แต่การยืนของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ยืนในฐานะศัตรู แต่ยืนคนละขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่ฝั่งอนุรักษ์นิยม แต่มาเสียสถานะ เมื่อ"พล.อ.ประยุทธ์" มาเล่นการเมืองปี 2562 ขณะที่พรรคเพื่อไทย ถูกเรียกว่าเป็นพรรคฝั่งประชาธิปไตย ซึ่งหากสองพรรคจะจับมือกันต้องมีเงื่อนไขพิเศษที่สำคัญวันนี้ สถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ แค่จับมือกันเองยังยาก คงไม่มีเวลาคิดจะจับมือกับใคร
"วราวิทย์" :"รวมไทยสร้างชาติ" มีโอกาสจับมือกันมั้ย
"ณัฐวุฒิ" : เป็นพรรคที่ยืนอยู่คนละข้างเพราะการตั้งต้นเคมีต่างกันมากที่จะรวมกัน
"วราวิทย์": แล้วภูมิใจไทยหล่ะ
"ณัฐวุฒิ" : เป็นการยืนคนละข้างเช่นกัน เพียงแต่ว่า จะให้พรรคเพื่อไทย มาฟันธงว่าอยู่กับพรรคใดได้บ้าง เราไม่เคยทำ เพราะเรามีเป้าหมายสำคัญ แต่ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยออกมาแสดงเจตนารมณ์แล้ว
วราวิทย์ : ตัวคนที่จะมาเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "คุณอุ้งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร" กำลังตั้งครรภ์ จะมาเป็นได้หรือ
ณัฐวุฒิ : ไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย แต่รอมติกรรมการบริหารพรรค เพราะพรรคเพื่อไทยถูกเล่นงานด้วยกติกาทางการเมือง เพราะถือเป็นธรรมชาติที่ผู้หญิงจะมีการตั้งครรภ์ซึ่งผู้นำหญิงหลายประเทศเมื่อคลอดกลับมาทำหน้าที่ผู้นำได้เช่นกัน
วราวิทย์ : กรณี 3 ป.เป็นการแยกกันเดิน หรือแข่งกันเองเพื่อแยกกันเดิน
ณัฐวุฒิ : ไม่คิดว่าจะตัดสวาทขาดสัมพันธ์ คนกลุ่มนี้พร้อมร่วมมือกันทางการเมือง จับขั้วกันตั้งรัฐบาล หรือทำทางใดทางหนึ่งทางการเมืองได้ตลอดเวลา เพียงแต่สิ่งที่มองเห็น เหตุปัจจัยในการ
จับมือกัน เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เดิมเดินมาด้วยกัน 40-50 ปี เป็นนายทหาร ผูกพันกันมาแบบพี่น้อง แต่ขณะนี้ความรู้สึกนั้นไม่มี สำหรับการตัดสินใจทางการเมือง เป็นเรื่องผลประโยชน์ทางอำนาจการตกลงทางการเมือง เยี่ยงนักการเมืองที่เคยดูหมิ่นและชิงชัง เป็นเหตุผลหลัก ประเทศไทยสูญเสียโอกาสไป 8 ปี ที่ถูกนำไปเป็นผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐ อำนาจเงิน
คลิป>>>> ปล่อยข่าวดีลลับ สกัดแลนด์สไลด์