
22 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลาการเปรียญ วัดท่าบัวทอง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร นายคม ภัทรกุลประเสริฐ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยตำรวจภูธรโพธิ์ประทับช้าง ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ไวยาวัจกร คณะกรรมการวัดบัวทอง และชาวบ้านท่าบัวทอง หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 ต.โพธิ์ประทับช้าง ได้มาร่วมเป็นสักขีพยาน และรับฟังคำชี้แจงจาก “ทิดพระมหายอดเพชร” หรืออดีตพระครูศรีรัตนวิเชียร เจ้าอาวาสวัดท่าบัวทอง กรณีได้ลาสิขา หรือสึก หลังจากมีคลิปวิดีโอการพูดคุยสนทนาผ่านวิดีโอคอลบอกรักสีกากอล์ฟ ทำให้มีผลกระทบต่อวงการพระสงฆ์ และไม่เหมาะสม จึงได้ลาสิขาไปแล้วเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้
โดยทิดมหายอดเพชร ก่อนจะชี้แจ้งบัญชีทรัพย์สินของวัดนั้น ได้กราบและกล่าวขอโทษและขอขมาชาวบ้านที่ตนเองได้กระทำพลาดพรั้งไป รู้เท่าไม่ถึงกาล ทำให้เสื่อมเสียชื่อวัด จึงได้ยอมรับผิดของการกระทำดังกล่าวด้วยการลาสิขา พร้อมกับมาเก็บข้าวของที่กุฏิ รวมทั้งชี้แจงบัญชีทรัพย์สินของวัด และคืนกุญแจศาลา กุญแจวิหาร กุญแจกุฏิต่างๆให้กับไวยาวัจกรวัดดูแลต่อไป เนื่องจากในช่วงนี้เจ้าคณะอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ยังไม่ได้แต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสมาแทน ซึ่งไวยาวัจกรและคณะกรรมการวัดท่าบัว จะได้ดูแลวัดไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสมาแทน
จากการตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่าบัญชีของวัดท่าบัวทอง นั้นมีทั้งหมด 4 บัญชี และใช้งานได้ 3 บัญชี มีบัญชีเบิกจ่าย 2 บัญชี และอีก1บัญชีเป็นบัญชีวัดเกี่ยวกับเฉพาะกิจงานแข่งเรือของวัด ซึ่งบัญชีดังกล่าวมีเงินเข้าออกหมุนเวียนไม่มากนัก และทั้ง 2 มีเหลือเงินติดบัญชีเพียงไม่กี่ร้อยบาท
ขณะที่อดีตพระมหายอดเพชร เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายเงินของวัดนั้น ส่วนใหญ่จะใช้จ่ายไปในทางการก่อสร้างบูรณะวัดต่างๆ และการเบิกจ่ายนั้นไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพียงแค่บอกไวยาวัจกร หรือกรรมการวัดว่าจะจ่ายอะไรบ้างก็จะเบิกจ่ายให้กับค่าใช้จ่ายนั้นๆแต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้นำเงินวัดไปให้สีกาตามที่พูดกันไป
และในฐานะที่เคยเป็นอดีตเจ้าอาวาสก็ได้เริ่มสร้าง บางทีก็ไปขอหยิบยืมคนนั้นคนนี้มาบ้าง บางทีทำไปก่อนแล้วก็จ่ายทีหลังบ้าง ส่วนเงินวัดในความเป็นจริงก็แต่ละปีไม่ได้มีเยอะ สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ส่วนเครื่องปั่นไฟฟ้านั้นทางวัดยืมมาใช้ปั่นกระแสไฟฟ้าในงานแข่งเรือยาวเมื่อปี 2566 แต่เมื่อนำมาใช้งานแล้วเกิดระเบิดขึ้น ทางวัดจึงนำส่งซ่อมให้ช่างที่ จ.สุพรรณบุรี แต่ตอนนี้ติดต่อผู้รับไปซ่อมไม่ได้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เอาไปขาย และหากติดตามมาคืนหมู่บ้านไม่ได้ก็พร้อมจะรับผิดชอบตามกระบวนการ
ด้าน นายชูชาติ นาคสะอาด ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.โพธิ์ประทับช้าง ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ที่ให้ยืมเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 5 แสนบาทนั้น กล่าวว่า ตอนนี้ได้ดำเนินการติดตาม ถามเจ้าตัวเขาก็ยืนยันว่าเอาไปซ่อมอยู่ รอเจ้าตัวเขาแถลงการณ์ชัดอีกที ตอนนี้ก็ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โพธิ์ประทับช้าง เพื่อให้ตำรวจได้ช่วยติดตามอีกทางหนึ่งด้วย
เช่นเดียวกับนายสายหยุด โพธิ์ทอง ผู้รับหมาก่อสร้างทำศาลาริมแม่น้ำ กล่าวว่า วันนี้ก็มาติดตามทวงถามค่าจ้างก่อสร้างกับอดีตมหายอดเพชร ในการก่อสร้างศาลาริมน้ำ ซึ่งตอนนี้สร้างเกือบเสร็จแล้วและช่วงนั้น พระอาจารย์บอกว่าให้สร้างเลยเดี๋ยวจ่ายให้เอง ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว ก็ได้เงินมาแค่เพียง 1 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งตนเองรับเหมามาทั้งหมด 2 เรือนรวมกันเป็นเงิน 1 แสน 7 หมื่นบาท ยังเหลือค้างจ่ายอีก 1 แสน 6 หมื่นบาท และงานมันก็ใกล้เสร็จแล้วมาเกิดเรื่องเสียก่อน ซึ่งการก่อสร้างนั้นมีสัญญากับพระอาจรย์อยู่ ที่ผ่านมารอกรรมการมาเซ็นเบิกก็ไม่มีใครมาเซ็นจนมาเกิดเหตุซะก่อน
นายคม ภัทรกุลประเสริฐ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า วันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร มาร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบเอกสารจาก อดีตเจ้าอาวาส "พระมหายอดเพชร" โดยทิดยอดเพชรได้เอาสมุดบัญชีธนาคาร กับพวกกุญแจกุฏิ โบสถ์ วิหารต่างๆมาคืน เนื่องจากตอนนี้ประสานไปยังเลขาณุการรเจ้าคณะตำบลแล้ว ยังไม่ได้มีแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสองค์ใหม่ จึงมอบหมายให้ไวยาวัจกรเป็นผู้ดำเนินกิจการไปก่อน
ส่วนเรื่องสมุดบัญชีของวัดมีอยู่ 4 บัญชี เป็นในนามวัด 2 บัญชี ส่วนอีกบัญชีหนึ่งเป็นบัญชีเฉพาะกิจที่ใช้ในงานแข่งเรือและอีกบัญชีหนึ่งใช้ในการศึกษาของคณะสงฆ์ บัญชีนี้ก็ไม่ได้มีการขยับมาตั้งแต่ปี 2558 แล้ว ส่วนเงินในบัญชีหมุนเวียนไม่เยอะ ส่วนรายละเอียดต้องดูอีกที ตอนนี้ในบัญชีมียอดเงินไม่ถึง 100 บาท
ทั้งนี้ หลังจากรับฟังการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์ประทับช้าง ได้เชิญตัวทิดมหายอดเพชร ขึ้นรถตำรวจ ไปสอบปากคำเพิ่มเติมกรณีเครื่องปั่นไฟฟ้า เพื่อที่จะให้ตรวจบันทึกติดตามเครื่องปั่นไฟฟ้าดังกล่าวมาคืนให้กับกรรการหมู่บ้าน บ้านบึงโพ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง ต่อไป หากทิดยอดเพชรนำไปขายก็อาจจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยหลังจากการชี้แจงเสร็จสิ้นก็ปรากฎภาพชาวบ้านบางส่วนพากันมากอดและจับมือร้องให้ รวมถึงพระลูกวัด ที่ยังเคารพรักในตัวพระมหายอดเพชร เนื่องจากที่ผ่านถือว่าพระมหายอดเพชรเป็นพระนักพัฒนาพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง โดยมหายอดเพชร บอกกับชาวบ้านว่า หลังจากนี้ก็จะหาอาชีพทำต่อไป แต่ยังนึกอะไรไม่ออก และจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีต่อพระพุทธศาสนา