1 กันยายน 2567 เมื่อเวลา 20.10 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายศรายุทธ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน และนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายกอบจ.ราชบุรี แถลงข่าวหลังผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ แพ้ให้กับนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา แชมป์เก่า อดีตนายกอบจ.ราชบุรี
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ขอบคุณคะแนนเสียงของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงกัน ขอบคุณประชาชนชาวราชบุรี คะแนนถ้าเทียบกับปี 2563 เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว ซึ่งแสดงว่าการทำงานในพื้นที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาออกดอกออกผล เปิดใจให้เรามากขึ้น และทำให้เราเติบโตขึ้น เห็นด้วยกับนโยบายของเรา ถึงแม้เราจะยังไม่ชนะการเลือกตั้งนายกอบจ. ก็จะยังมุ่นมั่นทำงานเพื่อชาวราชบุรีต่อไป และหวังว่าพี่น้องชาวราชบุรีจะเปิดใจและให้โอกาสเรามากขึ้น
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนายวิวัฒน์ ในคดีซากหมู มีการชี้มูลความผิดนายวิวัฒน์ จะส่งผลทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายชัยรัตน์ มองว่า เป็นเรื่องของหน่วยงานเช่น กกต.เป็นผู้พิจารณาการรับรองการเลือกตั้ง รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยว่าจะมีแนวทางอย่างไร เพื่อไม่ให้ส่งผลการบริหารงานอบจ. และเป็นเหมือนกับการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี โดยจะต้องมีแนวทางให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ถ้าถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ต้องสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอบคุณชาวราชบุรีที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียง แม้จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิยังไม่เป็นข้อสรุป แต่เท่าที่ตนเองทราบข่าวหลายคนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดเดินทางกลับมาใช้สิทธิใช้เสียง ซึ่งจำนวนประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาชนในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัว แสดงให้เห็นว่า การรณรงค์อย่างแข็งขัน การทำงานอย่างเข้มข้น ทำให้ประชาชน ให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น และหันมามอบความไว้วางใจให้พรรคประชาชน และในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ยังมีการทำงานในการผลักดันต่างๆอีกหลายภารกิจ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เกี่ยวข้องกระดูกคนละเบอร์ เพราะทุกสนามการเลือกตั้งประชาชนเป็นคนตัดสินใจ และทุกนโยบายที่หาเสียงไว้เป็นประโยชน์กับประชาชน และผลการเลือกตั้งที่ออกมามีหลายปัจจัยด้วยกัน โดยเฉพาะสิทธิของประชาชน ยิ่งประชาชนออกมาใช้สิทธิมากเท่าไรก็จะยิ่งได้ตัวแทนยิ่งได้นโยบายที่สะท้อนความต้องการของประชาชน และเมื่อเสียงของประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญสำหรับทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรคประชาชน คือการออกแบบระบบเลือกตั้ง ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามาใช้สิทธิ ใช้เสียงได้ดีที่สุด เพราะยิ่งประชาชนออกมาใช้สิทธิมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ตัวแทน ที่สะท้อนนโยบายซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน ซึ่งขณะนี้พรรคประชาชน อยู่ระหว่างการศึกษาในชั้นกรรมาธิการ เพื่อปรับปรุง พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งมองว่า ทุกพรรคการเมือง และระบบการเมืองของประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน
ด้าน นายศรายุทธ์ กล่าวว่า สำหรับชาวราชบุรี เรามีเวลาทำงานจริงๆ 40 กว่าวัน ถือว่าการทำงานอย่างแข็งขันได้คะแนนมาเป็นที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม และจากพรรคก้าวไกลสู่พรรคประชาชน ยังมีการเตรียมลงสมัครนายกอบจ.อีก 10-15 จังหวัด ที่อยู่ในกระบวนการ นั่นหมายความว่าในจังหวัดที่เหลือเราจะจัดเตรียมความพร้อมในการทำนโยบายให้ประชาขนยอมรับ และทำให้ทีมงานมีความเข้มแข็งมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และเดือน พ.ย. นายกอบจ. ในนามพรรคประชาชนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
พร้อมยอมรับว่า สนามการเมืองท้องถิ่นนั้น แตกต่างกับการเลือกตั้งระดับชาติ เพราะสนามการเมืองระดับชาติความหวังของประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกตั้งทั้งประเทศจะทำให้ประชาชนนั้นมีส่วนร่วม แต่การเมืองท้องถิ่นจะต้องสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนให้ได้ และต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น
แต่ด้วยเวลาที่จำกัดในการทำงาน จึงยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนไว้ใจได้ในช่วง 45 วันที่ผ่านมา รวมทั้งการเปลี่ยนใจประชาชน ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า สามารถทำได้ต้องใช้เวลา
เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้เวลาจึงน้อยเกินไป มั่นใจว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเลือกในปลายปีนี้ จะมีนายกอบจ.ในนามพรรคประชาชน ชนะการเลือกตั้งแน่นอน ส่วนจะเป็นจังหวัดไหนขอให้รอดูอีกครั้ง เพราะในแต่ละจังหวัดได้มีการประเมินความพร้อมไว้แล้ว เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีเวลาในการเตรียมตัว