
28 สิงหาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีที่นายชัยธวัฒน์ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ พร้อมภรรยา เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธีระพันธ์ สุนทรวิภาต รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ว่า ได้มีคนร้ายโทรไลน์มาหาตนและภรรยาแจ้งว่า ได้ลักพาตัวลูกชาย อายุ 18 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่าน จ.ปทุมธานี จากหน้าหอพัก นำตัวไปขังไว้ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ต้องการค่าไถ่ตัวเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท
โดยนายชัยธวัฒน์ บอกว่า ลูกชายได้ติดต่อผ่านช่องทางไลน์มาแจ้งว่า ถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่ ต่อมาคนร้ายได้ส่งข้อความมาในเมสเซนเจอร์ของลูกชาย ว่าให้นำเงินมาไถ่ตัว ถ้าไม่ติดต่อมา ให้เตรียมตัวรับร่างของน้องได้เลย คนร้ายยังแชตข้อความมาหาตน ผ่านไลน์ของลูกชาย บอกว่าน้อง ยังอยู่ ไม่ได้ทำร้าย ไม่ให้อดอาหาร และในเวลาไล่เลี่ยกัน ลูกชายก็โทรคอลฯ ผ่านไลน์มาหา ทั้งน้ำเสียงตื่นตระหนก บอกว่าถ้าแจ้งความ เขาจะไม่ปล่อยตัว แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ในตึกแถวไหนในประเทศกัมพูชา เมื่อตนให้เจ้าหน้าที่ตรวจการใช้โทรศัพท์พบว่า อยู่ในประเทศกัมพูชาจริง
ล่าสุด ทั้งนายชัยธวัฒน์ และภรรยา พ่อแม่ของเยาวชนที่ถูกลักพาตัวไป ได้ไปขอความช่วยเหลือกับสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เพื่อตรวจเช็คความคืบหน้ากรณีซิมการ์ดที่ใช้ติดต่อ หมายเลขที่ใช้ติดต่อ กระทั่งพบว่าเด็ก 18 รายนี้ ถูกหลอกไปที่ปอยเปต ก่อนที่จะมีการใช้วิดีโอคอลผ่าน LINE สอบถามข้อมูล จนกระทั่งสืบทราบความแน่ใจ จึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ฝั่งปอยเปต
โดย พล.ต.ต.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ สั่งการให้ พ.ต.อ.วัฒนชัย มณฑีรรัตน์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ , พ.ต.ท.พัฒนะ สุภศักดิพัฒน์ รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ ภ.จว.ชัยภูมิ พ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ เร่งประสานกับทหารและส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือในเบื้องต้นในการช่วยเหลือเด็กชาย 18 ปีรายนี้อย่างเร่งด่วน
จนได้ประสานทหาร ตำรวจในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาเข้าไปช่วยเหลือ โดยไม่ได้จ่าย 2 ล้านบาทตามที่กลุ่มมิจฉาชีพเรียกค่าไถ่มา เพราะมิจฉาชีพยังไม่ได้แตะตัวเด็ก และอยู่คนละที่กับเด็ก ทำให้ทหารไทย กัมพูชา ได้เข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน ก่อนนำตัวเด็กส่งกลับมายังประเทศไทย ด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ส.ค.) หลังผู้เป็นแม่ของเยาวชนชายวัย 18 ปี ทราบข่าวได้เดินทางไปหาลูกชายตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และได้ร่วมเดินทางมายังพื้นที่ลูกชายพักอาศัยอยู่ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีแล้ว เพื่อให้ปากกับตำรวจ สภ.คลองหลวงในวันนี้ (28 ส.ค.)
โดยข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า เด็กมีการเล่นเกมและติดเกมในระบบออนไลน์ จนทำให้ถูกหลอกจากปทุมธานี ไปที่ปอยเปต และมีการเปลี่ยนซิมเปลี่ยนไลน์ ทำให้มิจฉาชีพแฮกไลน์ได้ ส่วนตัวเด็กเองนั้นไม่สามารถที่จะมี LINE หรือเข้าสู่ระบบ LINE ได้ แต่มิจฉาชีพที่ปลอมแปลงขึ้นมาหลอกให้เด็กทำบางสิ่งบางอย่าง หรือทำเป็นมัดมือมัดเท้าเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซึ่งวันนี้ (28.ส.ค.67) ที่บ้านพักของนายชัยธวัฒน์ ที่ห้าแยกโนนไฮ ในเมืองชัยภูมิ ได้พบเพียงนายชัยธวัฒน์ ผู้เป็นพ่อได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยลูกชายวัย 18 ปี หลังเรียนจบการศึกษาชั้น ม.6 ซึ่งเป็นเรียนดีเรียนเก่งคนหนึ่ง สอบเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่ กทม. เพิ่งเข้าเรียนปี 1 เป็นปีแรก เป็นเด็กที่ชอบเรียนหนังสือ เมื่อกลับมาจากโรงเรียนถึงหอพัก ได้มีการเล่นเกมส์ออนไลน์บ้าง แต่ไม่ถึงกับติด โดยรับว่า ลูกเป็นคนที่ขาดประสบการณ์ จึงพลาดให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์รู้เลขบัตรประชาชน ไม่รู้รั่วไหลมาจากไหน
โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ไปใช้ที่ จ.เชียงราย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย น้องได้หลงเชื่อซึ่งเป็นมุกเดิมๆ มุกตลาด ที่เคยหลอกมาแล้ว แต่น้องไม่มีประสบการณ์ จึงเชื่อพวกแก็งคอลเซ็นเตอร์ ไปกับรถแท็กซี่สีส้ม เดินทางไปที่ต่อรถตู้ ไปต่อรถมอเตอร์ไซด์ เดินทางต่อไปข้ามแดนตามแนวธรรมชาติ ข้ามฝั่งไปยังปอยเปต ซึ่งตามปกติแม่เขาจะโทรติดต่อพูดคุยกับลูกชายทุกวัน มาติดต่อกับลูกชายไม่ได้เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.)
ตอนสายได้รับการติดต่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาทางไลน์ของลูกชายว่า ต้องการแลกตัวลูกชายกับเงินค่าไถ่ตัว 2 ล้านบาท หากไม่ได้เตรียมรับศพลูกชายเลย ตนจึงรีบไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยภูมิ จากได้ไปยังชุดสืบสวนจังหวัด ได้ประสานคนรู้จักกันที่ฝั่งกัมพูชา ให้เช็กหมายเลขเครื่องโทรศัพท์ จนทราบว่าเครื่องโทรศัพท์และตัวน้องอยู่ฝั่งกัมพูชา จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือกับตำรวจ ทหารฝั่งกัมพูชา ช่วยเหลือน้องกับประเทศไทยจนสำเร็จ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าไถ่ตัวน้อง 2 ล้านบาทแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตนฝากเตือนเยาวชนทุกคน หากมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ขอให้นึกถึงพ่อแม่ก่อน อย่าเพิ่งได้ตัดสินใจทำอะไรเอง เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้
ด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย มณฑีรรัตน์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ กล่าวว่า หลังน้องเยาวชนอายุ 18 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกอุ้มไปฝั่งกัมพูชาแล้ว ได้มาขอความช่วยเหลือกับตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ให้ติดตามหาตัวเด็กที่ถูกเรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท โดยพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปลอมตัวตำรวจ โทรไปหาเด็กหลอกเด็กว่า มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลอกให้เด็กทำตาม ทั้งเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ ไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่ ให้เดินทางไปที่ชายแดนอรัญประเทศ ข้ามไปฝั่งกัมพูชา เปิดโรงแรมพัก
เมื่อพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แฮก LINE เสร็จ ได้วิดีโอคอลผ่าน LINE มายังพ่อแม่ขอเด็กเรียกค่าไถ่ตัว 2 ล้านบาท โชคยังดีที่โทรศัพท์ของน้องมีแอปอยู่ตัวหนึ่ง ที่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้รู้ว่าน้องอยู่ฝั่งกัมพูชา จึงประสานตำรวจ ทหารฝั่งโนนช่วยเหลือเด็กได้สำเร็จ