14 กรกฎาคม 2567 ความคืบหน้ากรณี น.ส.เหยียน วีมิน นักศึกษาชาวจีนและเป็นดาวติ๊กต็อก ที่หายตัวไปในพื้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุรวงศ์ ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยพบว่าคนร้ายได้มีการเรียกค่าไถ่ไปยังครอบครัว 5 ล้านบาท มีผู้ต้องสงสัยคือ นายชิงเหยียน ชายชาวจีนที่เชื่อว่า จะมีความสัมพันธ์ที่รู้จักกันมาก่อน
ซึ่งต่อมาตำรวจพบร่างหญิงสาว ถูกทิ้งบริเวณพงหญ้ารกร้างข้างถนนเส้นวัดผาท่าอิฐ พื้นที่ ม.2 ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นร่างของ น.ส.เหยียน หรือไม่
ล่าสุด ทางฝ่ายสืบสวนเปิดเผยว่า ต้องรอผล DNA ก่อน ที่จะออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ ส่วนผู้ก่อเหตุที่ตอนนี้ได้หลบหนีไปมาเก๊านั้น ทางตำรวจเตรียมประสานกระทรวงต่างประเทศ และจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป และเวลานี้ทางสถานฑูตจีน ได้เข้าหาเรือกับผู้กำกับการ สน.บางรัก เพื่อติดตามคดีนี้
พ่อขอไทยส่งเรื่องให้ทางการจีนดำเนินคดี เพื่อให้คนร้ายรับโทษสูงสุดประหาร
ช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ค.) พ่อของ น.ส.เหยียน พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เดินทางมาที่ สน.บางรัก เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.บางรัก เพื่อขอทราบรายละเอียดของคดี พร้อมขอบคุณตำรวจทุกฝ่ายที่ร่วมคลี่คลายคดี อีกทั้งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังเป็นตัวแทนครอบครัวในการเข้ามายื่นคำร้อง
ขอให้ตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดี และทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิด นายชิงเหยียน ชายผู้ต้องสงสัย ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน ทั้งนี้ ญาติได้แจ้งความดำเนินคดีผ่านทางสถานทูตจีนไปแล้ว เนื่องจากต้องการให้ทางการจีน เป็นผู้ดำเนินคดีเอง เพราะโทษของกฎหมายจีนแรงกว่าโทษของกฎหมายไทย มีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
ขณะที่ ผลการชันสูตรพลิกศพ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า ในเบื้องต้นขั้นตอนหลังจากรับร่างผู้เสียชีวิต มาทำการตรวจสอบพบว่า ร่างที่มีการส่งมาชันสูตร อยู่ในการเปลี่ยนสภาพที่รุนแรง ชิ้นเนื้อรวมถึงเนื้อเยื่ออ่อนหลายส่วนเสียหาย คาดว่าไม่สามารถนำมาใช้ในการตรวจ เพื่อหาอัตลักษณ์บุคคลได้ แต่เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการเก็บเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อต้นขา ไปทำการตรวจสอบ พร้อมทั้งทำการเก็บกระดูกต้นขา เพื่อนำไปใช้ในการสกัดหาดีเอ็นเอ เพื่อใช้ในการเทียบเคียงกับทางครอบครัว เพื่อยืนยันตัวบุคคล
แต่เบื้องต้นสภาพศพพบร่องรอยการศัลยกรรม จึงมีการดำเนินการนำสิ่งของศัลยกรรมเหล่านี้ ไปทำการตรวจสอบอีกทางหนึ่ง คาดว่าจะใช้เวลาได้เร็วกว่าการสกัดดีเอ็นเอจากกระดูก ที่คาดว่าในขั้นตอนการสกัดดีเอ็นเอจากกระดูกนี้จะใช้เวลาอย่างเร็วสุดคือ 1 สัปดาห์
ตร.เผยพ่อดาวติ๊กต็อกจีนไม่รู้จักผู้ต้องสงสัย เผยสัมพันธ์ครอบครัวไม่ค่อยดี
พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยว่า ในวันนี้พ่อของ น.ส.หยียน มาขอความร่วมมือตำรวจ ทำเรื่องส่งไปให้ทางการจีนทำการสืบสวน เนื่องจากพ่อเขาไปแจ้งความที่ประเทศจีน แล้วประเทศจีนไม่รับแจ้งความ ทางตำรวจจึงชี้แจงว่า ขอให้มีการพิสูจน์ทราบผู้เสียชีวิต ยืนยันก่อนว่าเป็น น.ส.เหยียน จริง แล้วตำรวจจะทำหนังสือรายงานไปยังสถานทูตจีน แล้วหลังจากนั้นสถานทูตจึนจะประสานกับตำรวจจีนว่า จะทำการสอบสวนหรือไม่
ซึ่งหากได้ผลตรวจพิสูจน์ ก็สามารถที่จะขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ แต่ใน MOU ระหว่างไทยกับจีนนั้น ทางคดีทางการจีนจะทำคดีเองก็ได้ หรือจะส่งตัวให้ไทยมาดำเนินคดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับสนธิสัญญาว่า จะให้ใครเป็นคนดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
ส่วนเหตุผลที่ พ่อของ น.ส.เหยียน อยากให้ทางการจีนทำคดีนั้น เพราะลูกเขาเป็นคนจีน และส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายจี นที่โทษของประเทศจีนมีความรุนแรงด้วย และพ่อเขาไม่ได้กังวลเรื่องการดำเนินคดี แต่อยากให้ตามจับคนร้ายให้ได้ ซึ่งขณะนี้มีพยานหลักฐานที่มีสามารถยืนยัน ในการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้แน่นอน
ขณะที่วันนี้ ได้มีการสอบปากคำพ่อ น.ส.เหยียน ในฐานะผู้กล่าวหาครบทุกประเด็น โดยพ่อระบุว่า ไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัย ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ทั้งสองคนคบกันหรือเป็นแฟนกันหรือไม่ เพราะทั้งผู้ต้องสงสัยและผู้สูญหาย ไม่ได้อยู่ในเมืองไทย เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งคู่ และ น.ส.เหยียน ก็ไม่ได้บอกครอบครัวว่า มาประเทศไทยทำไม เพราะเท่าที่สอบถาม ความสัมพันธ์ของผู้สูญหายกับครอบครัว ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
ตร.ตัดประเด็นเรียกค่าไถ่ทิ้ง-เตรียมสอบปากคำพี่18 ก.ค.
พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการเรียกค่าไถ่ไม่มีในประเด็นนี้ เบื้องต้น เพื่อนของผู้สูญหายที่มาแจ้งความ เพราะได้ติดต่อไปยังพี่ของผู้สูญหาย น้องของเขาหายตัวไปและสงสัยว่า ถ้าถูกมาเฟียจับกุมไปหรือไม่ ก็ให้เตรียมเงินไว้หน่อย สัก 1 ล้านหยวน ถ้าเจอจะได้เอาตัวกลับมา เป็นการอุปมาอุปไมยขึ้นมาเอง ไม่ได้มีใครมาเรียกเงิน
และเพื่อนผู้สูญหาย ก็เพิ่งมาเจอกับผู้สูญหายที่เมืองไทย ชอบพอกัน เลยแลกวีแชทพูดคุยกันมาตลอด เคยเจอกันแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น นอกจากนั้นก็ติดต่อผ่านแชทเพื่อคุยกัน และเมื่อติดต่อไม่ได้ เลยมาแจ้งความ ทำให้ตอนนี้ตัดประเด็นเรียกค่าไถ่ออกไป ทำให้เหลือแต่ประเด็นชู้สาวและชิงทรัพย์
ส่วนประเด็นเรื่องการใช้แอปของผู้สูญหาย ในการจ่ายเงินที่มาเก๊านั้น คนที่พบข้อมูลคือพี่สาวและพี่เขยของผู้สูญหาย เพราะผูกไว้กับโทรศัพท์ของผู้สูญหายในเครื่องที่เมืองจีน โดยในวันที่ 18 ก.ค. นี้ พี่สาวและพี่เขยของ น.ส.เหยียน จะเดินทางที่ประเทศไทยเพื่อให้ปากคำ
รอง ผบช.น. ยันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรียกค่าไถ่ เร่งยืนยันอัตลักษณ์บุคคลก่อนขอหมายจับ
ขณะที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ระบุว่า ในส่วนของผู้สูญหาย และผู้ต้องสงสัย จากพยานหลักฐานพบว่า ทั้ง 2 คนมีการนัดหมายเพื่อเจอกันที่สุขุมวิท 12 ก่อนที่จะช่วยกันยกกระเป๋า และขึ้นรถไปด้วยความสมัครใจ โดยไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายแต่อย่างใด และภาพยังปรากฏชัดเจนอีกว่าทั้ง 2 คนได้จอดรถและลงจากรถจับมือกันไปซื้อของที่ตลาดนัดคลองเตย ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 2 คน รู้จักกันมาก่อนและไปด้วยกันด้วยความสมัครใจ
ส่วนประเด็นของวีแชทที่มีการกล่าวถึงการอุ้มรีดค่าไถ่ นั้นทางตำรวจได้มีการสอบปากคำญาติของผู้สูญหาย แล้ว ปรากฎว่า เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนระหว่างเพื่อนของ น.ส.เหยียน ซึ่งเป็นผู้แจ้งกับทางครอบครัว เนื่องจาก น.ส.เหยียน ได้หายตัวไปเป็นระยะเวลาหลายวัน เพื่อนผู้สูญหายแจ้งเชื่อว่า น่าจะโดนลักพาตัว
ดังนั้นประเด็นในการสืบสวนชัดเจนว่า น.ส.เหยียน รู้จักกับผู้ต้องสงสัยชายชาวจีน และมีการสมัครใจในการไปด้วยกัน จึงเหลือเพียง 2 ประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานคือ เรื่องชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และขอหมายแดงเพื่อทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดพบว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ หรือการอุ้มรีดค่าไถ่ แต่มุ่งเน้นในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น