มอบตัวแล้ว! พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวนครปฐมหึงเมีย รัวกระสุนใส่พ่อค้าทุเรียน

1 สิงหาคม 2567 ความคืบหน้า เหตุอุกฉกรรจ์ที่นครปฐมเมื่อคืนวานนี้ (31 ก.ค.) ที่พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวหึงโหด ควบปืนยิงลูกค้าเสียชีวิต เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ที่นายฉัตรเฉลิม หรือ เอส อายุ 48 ปี ใช้อาวุธปืนยิง นายธีระ อายุ 53 ปี จนเสียชีวิต หลังหึงหวงภรรยาเพราะระแวงว่า ผู้ตายจะจีบภรรยาของตัวเอง หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ล่าสุดผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับตำรวจที่ สภ.สามควายเผือก แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยในช่วงเวลา 14.20 น. น.ส.พัชรีวัณณ์ สงวนสัตย์ กำนัน ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม พร้อมทนายความ ได้นำตัวนายเอส ผู้ก่อเหตุมามอบตัวที่ สภ.สามควายเผือก แต่ยังไม่ให้ข้อมูลใด ๆ กับผู้สื่อข่าว  

พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.สามควายเผือก  เปิดเผยว่า ภายหลังการก่อเหตุ ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานมีการสอบปากคำ ทั้งฝั่งผู้ตาย และผู้ก่อเหตุ และเตรียมอนุมัติขอศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับ แต่ทางด้านผู้ก่อเหตุ ได้ประสานขอเข้ามอบตัวเสียก่อน  

จากการสอบปากคำเบื้องต้น มูลเหตุในครั้งนี้ อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดว่า ภรรยาไปพูดคุยกับผู้ตาย จึงเกิดการหึงหวง และมีการท่าท้าย และเกิดเหตุยิงกันขึ้นในที่สุด ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุเมื่อวานที่ผ่านมาคาดว่า น่าจะมีการดื่มสุรา และมีการทักแชทไปคุยกับผู้ตายก่อน จนเกิดการโต้เถียงและติดตามมาถึงที่บ้านของผู้ตาย จากนั้นมีการพูดคุยและชกต่อยกันที่บริเวณท้ายรถของผู้ก่อเหตุ 


กระทั่งปืนของผู้ก่อเหตุตกลงไปที่พื้น จึงเป็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุหยิบปืนดังกล่าวขึ้นมายิงผู้ตายจนเสียชีวิต ตามภาพกล้องวงจรปิด ส่วนร่องรอยกระสุนปืนที่อยู่บนรถของผู้ก่อเหตุนั้น ต้องรอการตรวจสอบอีกครั้งว่า เป็นปืนของใคร และใครเป็นผู้ยิง

ทั้งนี้ได้มีการสอบปากคำทางฝั่งภรรยาของผู้ก่อเหตุให้การว่า ทางผู้ตายมีการแอดเพื่อนเข้ามาใน Facebook จริง แต่ไม่ได้มีการคุยในลักษณะชู้สาว ตามที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง อย่างไรก็ตามทางตำรวจ จะมีการสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหารวม 4 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้นับอนุญาติ , พกพาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน และพื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติ และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร

ผกก.สภ.สามควายเผือก กล่าวว่า จากการตรวจสอบร่างกายของผู้ก่อเหตุนั้นพบว่า เหนือข้อมือซ้ายมีลักษณะบวม เขียว จากการถูกยิง และกระสุนฝังใน ซึ่งอาจจะเกิดจากถูกยิงตอบโต้หลังเกิดเหตุ ซึ่งภายหลังจากการสอบปากคำ จะต้องนำตัวผู้ก่อเหตุไปที่โรงพยาบาล เพื่อพาเอาหัวกระสุนดังกล่าวออกมาตรวจสอบเช่นเดียวกันว่า เป็นกระสุนขนาดใด และถูกยิงออกมาจากปืนกระบอกไหน 

โดยต่อมาเวลา 15.10 น. กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค7 ได้เดินทางมาที่ สภ.สามควายเผือก เพื่อที่จะทำการตรวจเก็บ DNA ของผู้ก่อเหตุ ไปเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ทั้งนี้ภายหลังการสอบปากคำเบื้องต้น ตำรวจได้นำนายเอส ผู้ก่อเหตุ ออกมาเข้าห้องน้ำพร้อมกับเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้าใจผิดของตัวเอง ที่คิดมากเรื่องภรรยา อยากจะขอโทษฝั่งผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปที่จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดชัยนาท ก่อนจะตัดสินใจเข้ามอบตัวที่ สภ.สามควายเผือก นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ก่อเหตุและภรรยา ได้มีการเลิกรากันไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 66 แต่ยังอยู่ในช่วงของการง้องอนขอคืนดี จนกระทั้งมาก่อเหตุดังกล่าว


ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม  ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เปิดภายหลังการเกิดเหตุได้มีการสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนจัดทีมไล่ล่า ไปที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี และทางผู้บัญชาการภาค 7 ได้มีการกดดันจนคนร้ายได้ประสานมามอบตัว ซึ่งในช่วงแรกตั้งใจจะมอบตัวตั้งแต่เมื่อคืน ก็ได้มีการเลื่อนขอเข้ามอบตัวในช่วงบ่ายวันนี้

จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพ สาเหตุมาจากการหึงหวงภรรยา เพราะผู้ก่อเหตุทราบว่า ผู้ตายเหมือนจะมาพูดคุยกับภรรยาของตนเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการบาดหมาง และต่างฝ่ายต่างข่มขู่กันมาตลอด เป็นระยะ ในลักษณะของการท้าทายกัน  แต่จากการสอบคำภรรยาของผู้ก่อเหตุก็พบว่า ไม่ได้มีการมาข้องแวะกับผู้ตายในลักษณะของชู้สาว ซึ่งอาจจะเป็นความคิดระแวงของผู้ก่อเหตุเอง

ทั้งนี้ปืนที่ผู้ก่อเหตุ เป็นปืนขนาด 9 มม. ของผู้เป็นพ่อ ซึ่งในช่วงเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้มีการยิงฝั่งผู้ตายไปจำนวน 9 นัด ก่อนจะขึ้นรถเพื่อเตรียมหลบหนี ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุก็ถูก ทางฝั่งญาติผู้ตาย ใช้อาวุธปืนลูกโม่ยิงสวนกลับมา ที่รถกระบะ กระสุนเข้าตัวรถประมาณ  4-5 นัด และจากการตรวจสอบร่างกายของผู้ก่อเหตุก็พบว่า ที่เหนือข้อมือซ้ายถูกยิง 1 นัด ซึ่งในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดปืนได้จำนวน 2 กระบอก กระบอกแรกเป็นปืนของผู้ก่อเหตุ ที่ใช้ยิงผู้ตาย และกระบอกที่ 2 คือปืนของญาติผู้ตาย ที่ใช้ยิงรถของผู้ก่อเหตุ ซึ่งในส่วนของญาติผู้ตาย ทางตำรวจทราบตัวแล้วว่า ใครเป็นผู้ยิง หลังจากนี้ก็จะต้องทำการเชิญตัวมา สอบปากคำ รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานหัวกระสุนที่บริเวณรถ จากนั้นก็จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีเช่นเดียวกัน


รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม  ยังเปิดเผยต่อว่า เท่าที่สังเกตพบว่าผู้ต้องหามีอาการเครียดมาก ซึ่งในชั้นการสอบสวน ถามพนักงานสอบสวนจะทำการคัดค้านการประกันตัว ส่วนในเรื่องการทำแผน อาจจะต้องทำความสมัครใจของผู้ก่อเหตุด้วย เนื่องจากเป็นสิทธิทางกฎหมาย


น.ส.พัชรีวัณณ์ สงวนสัตย์ กำนัน ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้ก่อเหตุติดต่อประสานเพื่อให้ช่วยเหลือในการเข้ามอบตัว เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเมื่อรู้ว่าผู้ก่อเหตุคือลูกบ้านในตำบลที่ตัวเองดูแล จึงพยายามประสานขอเบอร์ติดต่อจากทางตำรวจ และบุคคลที่รู้จักกับนายเอส จนได้เบอร์และพยายามติดต่อแต่พบว่า นายเอสปิดโทรศัพท์ จึงส่งข้อความทิ้งไว้ ว่า “อยู่ตรงไหน คิดดีดี รับรองความปลอดภัย เจ๊สามารถช่วยเธอได้นะ ถ้าไม่กล้ามาเดี๋ยวจะไปรับด้วยตัวเอง“ ซึ่งส่งข้อความไปแบบนี้เพราะเข้าใจว่า หลังเกิดเหตุนายเอสอาจจะมีความเครียด และตัวเองไม่ต้องการให้มีการวิสามัญหรือเกิดความสูญเสียขึ้นอีก

จากนั้นผู้ต้องหาโทรกลับมา ก่อนจะแชร์โลเคชั่นจุดที่ไปซ่อนตัวอยู่ ตัวเองจึงเดินทางไปรับ ในพื้นที่รอยต่อจังหวัดสุพรรณบุรี-ชัยนาท โดยเป็นบริเวณริมป่าข้างทาง ที่ผู้ต้องหาไปหลบซ่อนตัวอยู่และพบว่า มีสีหน้าไม่สู้ดีและที่แขนมีร่องรอยบาดแผลจากกระสุนและเสียเลือดไปมาก จากนั้นตัวเองจึงได้ประสานไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรสามควายเผือกว่า จะพาผู้ก่อเหตุเข้ามามอบตัว แต่ขอให้ผู้ก่อเหตุได้กินข้าวและอาบน้ำก่อน

กำนันตำบลมาบแคยืนยันว่า ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือหรือให้อภิสิทธิ์กับนายเอส แต่ทำไปในฐานะพ่อบ้านที่ดูแลดูแลลูกบ้านที่อยู่ในตำบลที่ตัวเอง ยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้ความเป็นธรรมกับทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยและคำครหาว่า อาจจะรู้จักกับทางครอบครัวผู้ก่อเหตุ ทางกำนันยอมรับว่าเรื่องนี้ก็ต้องรับคำพิพากษาวิจารณ์ให้ได้ แต่ยืนยันว่าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ 

ส่วนรายละเอียดว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีไปอย่างไรนั้น ตนไม่ได้ซักถามและผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ปริปากบอก ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ไปซักถามให้เกิดความเครียด และรีบนำตัวมาส่งมอบให้กับตำรวจ และหลังจากนี้ก็อยู่ที่ผู้ก่อเหตุจะให้การกับตำรวจ  ส่วนที่ทางฝั่งของผู้เสียชีวิต ได้มีการยิงใส่รถของผู้ก่อเหตุด้วย หลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะต้องยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริงเรื่องนี้