1 สิงหาคม 2567 ความคืบหน้า กรณีเหตุรัวยิงบริเวณหน้าร้านขายของชำ ม.5 ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายธีระ อายุ 53 ปี ถูกยิง 7 นัดเสียชีวิต ส่วนกระสุนอีกนัดพลาดเป้าไป โดยผู้ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือ นายฉัตรเฉลิม หรือ เอส อายุ 48 ปี หลังก่อเหตุได้ขับรถกระบะหลบหนีไป
นอกนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ น.ส.ธิดารัตน์ ญาติผู้ตาย ซึ่งตั้งท้องได้ 7 เดือน โดยผู้บาดเจ็บรายนี้ถูกกระแทรกเข้าที่บริเวณหน้าท้องอย่างแรง ระหว่างเข้าไปห้ามปราม เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (31 ก.ค.) เบื้องต้นคาดว่า อาจเกิดจากปมหึงหวง เนื่องจากพบหลักฐานแชต โดยนายเอส เป็นคนทักเข้ามาใน Messenger ในเฟซบุ๊กของนายธีระ หาว่า นายธีระไปจีบตนที่เป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว แต่นายธีระได้ปฏิเสธ และด่าทอกันไปมา ก่อนมีการท้าทายกันและเกิดเหตุดังกล่าว
ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่า มีการพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. เพิ่มอีก 1 ปลอก โดยบริเวณที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ ต่างเดินทางมาจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สอบถาม น.ส.น้ำ 24 ปี (นามสมมุติ) (หลานผู้เสียชีวิต-ขอสงวนชื่อ) เล่าว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้เดินทางกลับมาจากทำงาน และมานั่งกินข้าวบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นนายเอส ได้เข้ามาพูดคุยกับนายธีระ ก่อนมีการชกต่อยกันตามภาพวงจรปิด แต่ขณะนั้ัน นายเอส สู้ไม่ได้ จึงชักอาวุธปืนที่เอวออกมายิงกระหน่ำนายธีระ ขณะเกิดเหตุ น.ส.ธิดารัตน์ ได้วิ่งเข้าไปจะช่วยนายธีระ แต่นายเอส ใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาอีกรอบ จนทำให้ น.ส.ธิดารัตน์ ล้มลงบาดเจ็บ ก่อนนายเอส หลบหนีไป
น.ส.น้ำ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ตายเป็นคนนิสัยดี ก่อนเกิดเหตุเคยฝันเป็นลางว่า โดนยิงตายแต่คนในบ้านก็บอกกับผู้ตายว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ และผู้ตายยังเป็นเสาหลักของครอบครัว มีลูกทั้งหมด 4 คน ยังเล็กๆ กันอยู่เลย ทุกวันหลังเลิกเรียน นายธีระ ก็จะมีหน้าที่ไปรับลูกจากโรงเรียน ช่วงเกิดเหตุ ลูกชายของนายธีระเห็นพ่อตัวเองถูกยิง และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
น.ส.น้ำ ระบุอีกว่า ส่วนสาเหตุมาจาก การแช็ตระหว่างทั้งคู่ ซึ่งข้อความดังกล่าว ทางครอบครัวและญาติของผู้ตาย จึงอยากให้ตำรวจ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะบางช่วงญาติของผู้เสียชีวิต ยังได้ระบุด้วยว่า หากทางฝั่งของผู้ก่อเหตุ ถูกยิงเสียชีวิต หรือเกิดความสูญเสียบ้าง จะรู้สึกอย่างไง หากเป็นไปได้ ก็อยากให้คนร้ายตายตกไปตามกัน หรือถ้าจับตัวได้ ก็จะไม่อโหสิกรรมให้
เพื่อนบ้านยืนยันผู้ก่อเหตุเป็นคนหึงหวง
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของเมียผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของผู้เสียชีวิต พบว่าวันนี้ร้านปิด โดยบริเวณรอบร้านป้ายเขียนด้วยมือว่า รับต่อเติม และรับเหมาก่อสร้าง คาดว่าเป็นอาชีพของนายเอส สอบถามจากร้านค้าละแวกใกล้เคียง กับร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่ก็บอกว่า ผู้ก่อเหตุก็มักจะมานั่งอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ก็น่าจะมีอารมณ์หึงหวงภรรยา เพราะเคยเห็นทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยเอะอะโวยวาย หรือทะเลาะกับคนละแวกนี้แล้ว
และปกติแล้วก็เป็นคนอัธยาศัยดี ไม่ได้ดูเป็นคนก้าวร้าว แต่เวลาเมาสุรา ตนก็ไม่เคยเห็นพฤติกรรมว่า เปลี่ยนเป็นบุคลิกแบบไหน และยอมรับว่า ก็ไม่ได้คุยกับผู้ก่อเหตุและภรรยาบ่อย จึงอาจไม่รู้รายละเอียดลึกๆ ว่า มีปัญหาอะไรกัน ส่วนผู้เสียชีวิตตนรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาอ่อนหวาน และไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมเจ้าชู้
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ตำรวจพร้อมด้วยชุดสืบสวน กำลังเร่งไล่กล้องวงจรปิด เพื่อตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ โดยในช่วงบ่ายนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จะเข้ามาตรวจรถของผู้ก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ตำรวจนำไปจอดไว้ที่ สภ.สามควายเผือก แล้ว ขณะที่ในช่วงบ่ายทางครอบครัวจะติดต่อขอรับศพนายธีระ จากโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อนำมาบำเพ็ญกุศล
พ่อผู้ก่อเหตุ เปิดใจ ลูกชายรักเมียมาก ลงมือก่อเหตุเพราะป้องกันตัว
จากนั้นทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ไปพูดคุยกับพ่อของนายเอส ซึ่งเป็นนักกฎหมาย และเป็นที่รู้จักในพื้นที่ โดยผู้สื่อข่าวสังเกตบริเวณรอบบ้าน มีติดรูปถ่ายร่วมกับนักการเมืองระดับประเทศหลายคน พ่อนายเอส เปิดใจว่า ลูกชายไม่คิดหลบหนีอย่างแน่นอน เตรียมที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยมีกำนันตำบลมาบแค จะไปรับตัวส่งให้กับตำรวจ สภ.สามควายเผือก
โดยตัวเองก็บอกผ่านเพื่อนของลูกชาย หากเจอบอกให้เข้ามอบตัว อย่าให้ตำรวจต้องออกหมายจับ เพราะขั้นตอนต่าง ๆ จะยุ่งยาก และเท่าที่รู้มาที่ลูกชายยังไม่มอบตัวตั้งแต่หลังเกิดเหตุ เพราะถูกตามยิง โดยรู้มาว่า เป็นฝั่งของผู้เสียชีวิต
พร้อมยังบอกเหตุการก่อเหตุน่ามาจากเรื่องชู้สาว เพราะภรรยาคนปัจจุบันที่คบหาอยู่กินกันอยู่ ลูกชายรักและห่วงมาก เวลามีใครมายุ่งก็จะไม่ยอม ซึ่งผู้เสียชีวิตเท่าที่ทราบมา ท้าทายลูกชายให้ตามไปเจอที่บ้าน และถูกทำร้ายก่อนจึงต้องป้องกันตัว ก่อนบอกว่า “ถ้ามันไม่ตายเราก็ตาย” แล้วที่ทำไปทั้งหมดเพราะรู้สึกว่า มีคนมาหยามเกียรติและมายุ่งกับภรรยาของตัวเอง โดยยอมรับตัวเองก็ไม่ได้ชอบภรรยาคนนี้ของลูกชาย เพราะตัวเองเป็นคนหัวโบราณ มองว่าภรรยาลูกชายเป็นคนไม่มีสัมมาคารวะ จองหอง หยิ่งยโส และไม่ชอบพฤติกรรมที่มักจะไปคุยสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น
ส่วนที่ลูกชายตามไปถึงบ้านผู้เสียชีวิต แล้วตัดสินใจลั่นไกยิงไปถึง 9 นัดนั้น มองว่า ลูกชายถูกท้าทายผ่านแช็ต ซึ่งที่ผ่านมาต้องบอกว่า ตระกูลของตัวเองเป็นตระกูลที่ไม่เคยยอมแพ้ใคร ไม่ยอมให้ใครมารังแกก่อน ส่วนสาเหตุอย่างอื่นต้องรอถามจากลูกชาย ตนก็อยากรู้รายละเอียดข้อเท็จจริง ก่อนจะบอกต่อว่า ถ้าเป็นตัวเองคงไม่ยิงแค่ผู้ชาย คงจะยิงผู้หญิงให้ตายตามกันไปด้วย เพราะมองว่าสาเหตุมาจากผู้หญิง
พ่อผู้ก่อเหตุยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยห้ามลูกชายว่า ไม่ให้ตามภรรยาคนนี้ออกไป ตอนที่ฝ่ายหญิงย้ายของออกจากบ้านไปประมาณ 1 ปีก่อน เอาลูกชาย 1 คนออกไปด้วย แต่ลูกชายก็ไม่ฟังและย้ายตามออกไป ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ ซึ่งตนยอมแลกและบอกกับลูกชายว่า ถ้าอยากทำเดี๋ยวพ่อจะสนับสนุน ทั้งจะเปิดร้านขายอาหาร หรือจะทำอะไรก็ได้แต่ ไม่ต้องตามผู้หญิงคนนี้ไป โดยความรู้สึกทั้งหมดนี้ ตนเก็บมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ตั้งแต่ช่วงก่อนที่ลูกชายยังบวชเป็นพระ ลูกสะใภ้คนนี้ก็เป็นคนสึกลูกชาย ก่อนจะออกมาอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน
พ่อนายเอส ยืนยันว่า แม้ตนจะเป็นนักกฎหมาย แต่ก็จะไม่ช่วยแก้ต่างในคดี ลูกผิดว่าไปตามผิด และพร้อมที่จะรับผิดชอบทางฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนที่ตัวเองยืนยันว่า ลูกชายป้องกันตัวก็ต้องไปรอศาลพิจารณา แต่ในมุมมองนักกฎหมายมองว่า ฝั่งผู้เสียชีวิตมีกันหลายคน การป้องกันตัวครั้งนี้ก็สมควรกับเหตุ และยืนยันว่าไม่กังวลและไม่รู้สึกเสียเปรียบ แม้ว่าลูกชายจะลั่นไกยิงหลายนัด