19 พฤษภาคม 2567 จากกรณี "อาจารย์น้องหญิง" หรือ น.ส.โสรวีร์ อายุ 38 ปี ที่เปิดดินแดนธรรมสุขขาววะดี บ้านโนนตาแสง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี รักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอ้างว่า สื่อสารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เรียก "คลื่นพลังบุญ ดึงพลังรักษาได้ทุกโรค" ถูกตำรวจนำหมายศาลคดีค้างเก่าปี 66 ใน
ข้อหา "ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นผู้การค้า" ขณะกำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีมีหูทิพย์ดึงพลังพระพุทธเจ้า และได้มีการเชิญตัวไป สภ.กลางใหญ่ เพื่อทำบันทึกจับกุม ก่อนจะส่งตัวไป สน.โคกคราม เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ นั้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือ คือนอกจากคดีความแล้ว ยังมีเรี่องการอ้างถึงการใช้ พลังที่อ้างว่า มาจากสื่อสารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ในการรักษาโรค ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า กรณีของอาจารย์น้องหญิงนั้น จะเป็นเหมือนลัทธิอะไรหรือไม่อย่างไร จะคล้ายกับกรณีลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
เนชั่นทีวี จะพาไปทำความรู้จัก "อาจารย์น้องหญิง" และดินแดนธรรมสุขขาววดี แห่งนี้ว่า เป็นใครมาจากไหน มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร
สำหรับดินแดนธรรมสุขขาววดี เริ่มมีผู้คนรู้จักมากขึ้น หลังโซเซียลได้มีการเผยแพร่คลิปภาพสถานที่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า "สำนักธรรมสุขาววดี" ตั้งอยู่ในเนื้อที่ 11 ไร่ ในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และภายในสถานที่แห่งนี้จะมีการติดป้าย“ไม่ศรัทธา ไม่ต้องรักษาไม่หาย ศรัทธาเท่านั้นจึงพบปฏิหาริย์ ศรัทธาต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” รวมถึงป้ายข้อความ “ไม่เชื่อ : ไม่หาย ไม่ศรัทธา : ไม่หาย ไม่นอบน้อม : ไม่หาย มีแต่สงสัย : ไม่หาย ไม่เชื่อเรื่องเวร-กรรม (ไม่ต้องมารักษา)”
โดยสำนักธรรมสุขาวดีแห่งนี้อ้างว่า สามารถรักษาโรคได้ทุกโรคและอาการเจ็บปวดได้ โดยใช้ญาณและฌานในการสื่อสารกับพระเจ้า 5 พระองค์ ผ่านไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้า 5 พระองค์ โดยจะมีเสียงสะอื้น “กึ๊ด ๆ” (เสียงคล้ายหมูร้อง) ผ่านจมูก ซึ่งมีอาจารย์ (ผู้ชาย) อ้างตัวว่า ไม่มีชื่อในทางโลก ส่วนใหญ่จะเรียกอาจารย์ และอาจารย์น้องหญิง เป็นผู้รักษาให้
โดย "อาจารย์น้องหญิง" กับ "อาจารย์" จะคอยถ่ายทอดวิชาที่อ้างว่า เป็นฌานที่มีเฉพาะตัว เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 องค์ เพื่อรักษาโรคทางเลือกให้กับประชาชนทั่วไป วิธีการรักษาอาจารย์จะเป็นตัวกลางในการสื่อสารผ่านญาณวิเศษที่อ้างถึง โดยจะใช้ท่าทางสะอึก ส่วนอาจารย์น้องหญิง จะมีหูทิพย์ ช่วยกันรักษาคนที่ป่วยเป็นโรค และส่วนใหญ่ที่มารักษา ก็หายจากโรคเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้เรื่องคลื่นพลังบุญ อาจารย์น้องหญิงยังระบุว่า มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น อยู่ระหว่างการวิจัย โดยนาซ่า (NASA) และซีไอเอ (CIA) กำลังค้นหาคลื่นนี้ด้วย
ขณะที่ข้อมูลส่วนตัวของอาจารย์น้องหญิงทาง ช่อง 8 ระบุว่า อาจารย์น้องหญิงก่อนจะมาเป็นอาจารย์น้องหญิงอย่างในปัจจุบันนี้ เคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ มีการเเต่งกายดูไฮโซ ใช้ของเเบรนด์เนม ซึ่งบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ในอดีต
ทั้งนี้เมื่อตอนที่อาจารย์น้องหญิงยังเป็นนักธุรกิจ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ หลังจากเจ้าตัวได้รับรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยม ของ DARA Variety Award ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2563 เป็นคนที่พูดจาฉะฉานมาก
โดยอาจารย์น้องหญิง ได้เล่าถึงภูมิหลังในอดีตก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์น้องหญิงในปัจจุบันนี้ว่า เดิมทีตนชื่อ น.ส.โสรวีร์ หลังจากที่ตนเองจบการศึกษา ได้ทำงานบริษัทเอกชนหลายแห่ง และเคยเปิดบริษัทเป็นของตนเองด้วย แต่ช่วงหลังมีปัญหาชีวิต เพราะบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องความรัก เนื่องจากถูกแฟนทิ้งและยังมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ เพราะขนาดที่ยังใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ตนเองชอบปาร์ตี้และดื่มสังสรรค์ เป็นเหตุทำให้ร่างกายทรุดโทรมและเจ็บป่วย ซึ่งจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ตนฉุกคิดได้ว่า จะใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงเริ่มนั่งสมาธิเพื่อฝึกอยู่ตนเอง
จนกระทั่งได้มาเจอกับอาจารย์โดยบังเอิญ ก็รู้สึกว่าเคมีตรงกัน จนตัดสินใจพากันเข้าป่าเพื่อบำเพ็ญเพียร ซึ่งใช้เวลาอยู่หลายปี กว่าที่จะค้นพบฌานจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ภายหลังจากที่สัมผัสฌานได้ ก็ทำให้น้องหญิงคนเดิมในโลกมนุษย์ได้ตายไปแล้ว และได้เกิดเป็นอาจารย์น้องหญิงในอีกโลก และลักษณะการพูดจาก็เปลี่ยนไปเอง ไม่เหมือนกับมนุษย์โลกที่พูดจาปกติทั่วไป
ซึ่งช่วงแรก ๆ ตนเองจะพูดเสียงเล็ก ๆ คล้ายกับเด็ก แต่บางคนไม่เข้าใจก็มองว่าเหมือนคนบ้า แต่ตนก็ไม่หวั่นไหวต่อคำดูถูก เพราะเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่จากองค์พ่อ ให้ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติทางโลก เพื่อให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เนื่องจากตนเองได้เกิดมาในชาติสุดท้ายแล้ว ยืนยันว่า ตนและอาจารย์จะยังช่วยเหลือมวลมนุษยชาติต่อไป หลังจากที่ได้ช่วยเหลือไปแล้วหลายหมื่นคน โดยเป้าหมาย คือ 5 ล้านคน รวมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีล่าสุด วันนี้ (19 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ควบคุมตัวอาจารย์น้องหญิง ในห้องคุมตัว โดยพนักงานสอบสวนระบุว่า ขณะนี้การสอบปากคำยังไม่เสร็จสิ้น จึงได้ควบคุมตัวอาจารย์น้องหญิงสอบปากคำเพิ่มเติม ในกรณีที่กระทำผิดข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยพบว่าระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่ที่ สน.โคกครม นั้น อาจารย์น้องหญิงมีอาการท่าทางคล้ายคนแก่เดินหลังค่อม ตัวงอ และตอนเช้าสวดมนต์นั่งสมาธิ จากนั้นก็นอนหลับ และตื่นมาก็นั่งสมาธิ เวลาเดินก็เหมือนคนแก่ หลังค่อม เดินย่อง ช้า ๆ ซึ่งสิบเวรที่ดูแลห้องขังได้สอบถามว่า มีอาการเจ็บ ป่วย หรือไม่ แต่เจ้าตัวก็บอกว่าอาการปกติ
ทั้งนี้ลูกศิษย์ ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวจำนวน 40,000 บาท ในระหว่างที่รอประกันตัวอาจารย์น้องหญิง ที่หน้าห้องขัง ก็เกิดเหตุการณ์เมื่ออยู่ดี ๆ ลูกศิษย์ (หญิงใส่เสื้อม่อฮ้อม) “ก็พูดขึ้นมา อาจารย์ค่ะ เหนื่อยเจ้าค่ะ”
จากนั้น อาจารย์ผู้ชายก็ทำท่า นับนิ้วมือ แล้วก็ทำท่าทางคล้ายกับการท่องคาถาบางอย่าง แต่ไม่ออกเสียงและลูกศิษย์คนผ่านไม่ไม่ถึงนาที ลูกศิษย์คนนี้ก็ บอกว่า "หายแล้ว" และเล่าว่า ตอนแรกมีอาการเหนื่อยเหมือนจะตาย หายใจไม่ออก และองค์ท่านสื่อสารลงมาว่า ไม่ให้พูดแล้ว
นอกจากนี้ ลูกศิษย์อาจารย์น้องหญิง ยังโชว์การสื่อสารกับพระเจ้าตาก และโชว์ไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นอาวุธคู่กายคอยปกป้องรักษาให้กับทีมข่าวดูพบว่า เป็นหวายสองเส้นถูก ด้ายสายสิญจน์สีขาวและเทสีขาวเคลือบอีกชั้นหนึ่ง โดยไม้นี้จะใช้สำหรับการปัดเป่าสิ่งไม่ดีแ ละถ้าเป็นสิ่งดีไม้นี้ก็จะช่วยปกป้องรักษา แต่ถ้าเป็นเจอสิ่งไม่ดีก็จะใช้ไม้นี้ลักษณะคล้ายฟาด และทำท่าคล้ายตัดคอ
จากนั้น แม่หนู (เสื้อขาว) ลูกศิษย์หนึ่งใน 16 คน ที่สัมผัสพลังพิเศษได้โชว์ไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้กับทีมข่าวดู พร้อมทั้งสื่อสารกับดวงวิญญาณของพระเจ้าตาก จากนั้นก็ร้องออกมาว่า พระเจ้าตากบอกว่าให้ทำความดีเพื่อประเทศชาติ พวกเจ้าได้ยินไหม โดยส่งเสียงร้องดังคำรามและตะโกน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าพระเจ้า ตากอยู่ในลักษณะใด แม่หนูบอกว่า ทรงม้าอยู่ซึ่งม้าเป็นสีแดงหมอก สวมเครื่องแต่งกายสีทอง รองเท้าก็สีทอง เมื่อคืนท่านแกว่งดาบ แต่ตอนนี้ท่านส่งยิ้มแล้ว อาจารย์หญิงออกจากห้องขังสวมเครื่องราง ก่อนจะร้องคำรามกลาง สน.โคกคราม ระบุว่า น้องหญิงตายไปแล้วภาพที่เห็นคือองค์ที่ห้า
ขณะที่ผู้สื่อข่าวเกาะติดคดีอยู่ที่ สน.โคกคราม พบว่า ช่วงที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัวอาจารย์น้องหญิงออกมาจากห้องคุมขัง เจ้าตัวเดินมาในสภาพหลังค่อมและเดินช้า ๆ คล้ายกับคนแก่ จากนั้นอาจารย์ผู้ชายได้นำ สร้อยคอซึ่งเป็นเครื่องรางประจำตัวน้องหญิง จากนั้นก็ใช่คลุมใบหน้าและศีรษะซึ่งผ้า ลักษณะคล้ายจีวรพระแล้วก็ใส่หมวก จากนั้นน้องหญิงก็เกิดอาการร้องคำรามกลางโรงพัก ท่ามกลางความตกใจของผู้สื่อข่าว
จากนั้นน้องหญิงก็พูดว่า ตอนนี้ไม่ใช่น้องหญิงแล้ว เราเป็นองค์ที่ห้า ซึ่งที่ถูกตำรวจจับเพราะเป็นคดีทางโลก แต่ที่จริงแล้วน้องหญิงได้ตายไปแล้วหายไปจากโลกนี้แล้ว ตอนนี้เราคือองค์ที่ห้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า องค์ที่ห้าคืออะไรน้องหญิงก็พูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยและคล้ายกับคนห่อลิ้นพูดตอบว่า เป็นองค์ศรีอาริยะ ดวงจิตของพระศรีอาริย์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเป็นองค์พระศรีอาริย์ จะสามารถสื่อสารกับคณะพนักงานสอบสวนได้หรือไม่ อาจารย์น้องหญิงตอบว่า สามารถให้ปากคำได้
จากการสอบถามอาจารย์น้องหญิงบอกว่า ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในห้องขังของ สน.โคกคราม ได้ช่วยเหลือดวงจิตวิญญาณไปแล้ว 50,000 ดวงวิญญาณ ซึ่งเป็นดวงจิตวิญญาณที่เป็นนักรบและตายอยู่ที่ สน.โคกคราม หลายพบหลายชาติ ซึ่ง ขณะที่ตนเองถูกคุมขัง ก็ทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งหมด หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนก็เชิญตัวน้องหญิงไปสอบปากคำ
ภายหลับการสอบปากคำ นานกว่า 3 ชั่วโมง อาจารย์น้องหญิง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า วันนี้ทางตำรวจได้ทำเอกสารตามขั้นตอน ซึ่งก็ได้รับการประกันตัวเป็นที่เรียบร้อย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด มันเป็นอนิจจัง ไม่ได้มีอะไรมากมายอะไร ที่มันเกิดไปแล้วก็ถือว่าเป็นอดีต ปัจจุบันตนก็ต้องทำหน้าที่
หลังจากนี้ก็ยังต้องตามหาเทวดา 5 ล้านดวงจิตที่มีพรสวรรค์แบบเรา ที่มีรหัสบางอย่างที่เขายังรออยู่ ตามช่วยเหลือวิญญาณนักรบในอดีตชาติต่อไป เพราะนี้ถือว่าเป็นชาติสุดท้าย ที่เราจะได้ออกช่วย ทุกอย่างได้จัดสรรค์ไว้หมดแล้ว เราแค่ต้องเดินตามเส้นทาง ไม่ว่าอดีตเป็นอย่างไรปัจจุบันสำคัญที่สุด ยืนยันว่า สิ่งที่ตนทำไม่ได้เรียกสิ่งที่ว่าเป็นการ "เชื่อมจิต" แต่กำลังตามหาดวงวิญญาณนักรบที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อช่าวได้พยายามถามว่า ญาณขอองค์ที่ 5 ได้บอกอะไรบ้าง ซึ่งทางน้องหญิงได้ระบุว่า ต้องเรียกท่านก่อนจะให้นักข่าวช่องดังกล่าวขอโทษ ก่อนที่จะสัมพาษณ์ต่อได้ เหมือนนักข่าวคนดังกล่าวได้กล่าวคำขอโทษ กลับบอกว่า เป็นการเสแสร้ง ให้ขอโทษด้วยความจริงใจ ก่อนจะให้สัมภาษณ์ต่อ
ทั้งนี้ เมื่อกลับมาสอบถามทางคดี อาจารณ์น้องหญิงกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องในอดีต ตนเคยทำธุรกิจ พอเกิดเรื่องก็เหมือนหนีเข้าป่าเลย แล้วไม่ได้จัดการเอกสาร พอญาณเปิดขึ้นก็เหมือนที่เห็น มีอาการแปลก ๆ ญาติพี่น้องก็ทิ้งไปหมด ไม่ได้เอาทรัพย์สินอะไรไปเลย ไม่ได้เคลียร์เรื่องทางโลก เลยเป็นที่มาที่ถูกจับวันนี้
ขอบคุณข้อมูล : ช่อง 8