กรมชลฯ เตือนพื้นที่ลุ่มต่ำ เตรียมรับมือน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

วันที่ 8 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมชลประทาน ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 4 หลังปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า ตามประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่2/2566 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มและน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งซาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่องมรสมทำให้เกิดฝนตกหนักสะสมทั้งประเทศไทย ทำให้มีน้ำในลำน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยคาดการณ์ในช่วงวันที่ 8-11 ตุลาคม 2566 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สทนช.ได้วิเคราะห์คาดการณ์จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ ในช่วงวันที่ 9-15 ตุลาคม 2566 โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาต้องเพิ่มการระบายน้ำในอัตรามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที

ขณะเดียวกัน กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่สถานีวัดน้ำท่า C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,800-1,900 ลบ.ม.ต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขามีปริมาณ ประมาณ 200-300 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 2,000-2,200 ลบ.ม.ต่อวินาที กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งประมาณ 350-400 ลบ.ม.ต่อวินาที มีความจำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,500-1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที่ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 20-80 เซนติเมตร (ซม.) รอบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมซน หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป