
17 กรกฎาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีกรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้ม บรรทุกซากเสาไฟฟ้าสับปะรด ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวประจวบฯ ไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้รถคันเดิม ไปซื้อคืนเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่หลายหน่วยงานภาครัฐ ได้ตรวจสอบหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง ที่นำเสาไฟไปขายร้านรับซื้อของเก่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด พ.ต.อ.ไพทูร พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เรียกลูกจ้าง ที่ขับรถยนต์กระเช้าสีส้ม ของเทศบาลแห่งหนึ่งมาให้ปากคำ กรณีมีการนำเสาไฟไปขายที่ร้านของเก่า เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานใด เข้าแจ้งความถูกลักทรัพย์ หลังจากเสาไฟสูญหาย
ขณะที่การเรียกบุคคลมาให้ปากคำ หรือมีหมายเรียก จะต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และจะต้องมีพยานหลักฐาน เชื่อมโยงถึงกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ยืนยันว่า ทางตำรวจได้แจ้งหนังสือให้เทศบาลเมืองประจวบฯ สำนักงานโยธาจังหวัด เพื่อสอบถามว่า หน่วยใดรับผิดชอบ ให้นำเอกสารหลักฐานตามระเบียบพัสดุ ของทางราชการมาแสดงเป็นเจ้าของทรัพย์
นายสมบูรณ์ เทพประดิษฐ์ ทนายความ อดีตรองประธานสภาเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) 3 สมัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน การเสนอญัตติในการประชุมสภาเทศบาลที่ผ่านมา ยืนยันว่า สภาเทศบาลไม่เคยมีมติ รับมอบทรัพย์สินเสาไฟสับปะรด ที่ติดตั้งบริเวณสันเขื่อนกันคลื่น อ่าวประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในสภาพชำรุด และตนยังเป็นผู้อภิปรายคัดค้าน การรับมอบหลายโครงการที่เสนอเข้ามา เนื่องจากเข้าข่ายผิดระเบียบพัสดุ
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า เพื่อให้มีข้อยุติและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย สำนักโยธาธิการจังหวัด และเทศบาลเมืองประจวบฯ ควรนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ออกมาชี้แจงว่า มีการรับมอบโครงการที่ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติหรือไม่
โดยเฉพาะเทศบาลหากอ้างว่า ไม่ได้รับมอบโครงการ เหตุใดจึงใช้งบประมาณซ่อมไฟสับปะรดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันประชาชนที่พบเห็นว่า ทรัพย์สินของทางราชการ ถูกขโมยไปขายให้ร้านของเก่า ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนได้
จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากผู้บริหารระดับจังหวัด มีนโยบายสั่งการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อใช้ประโยชน์จากโครงการร้างจำนวนมากในเขตเทศบาลเมือง ที่ใช้งบพัฒนาจังหวัด งบกรมโยธาธิการฯ โดยเฉพาะรอบพื้นที่เขาช่องกระจก บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีการกำชับให้ดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 ปรากฎว่า ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
"จากการตรวจสอบเอกสารย้อนหลังบางโครงการ ที่โยธาส่งมอบให้เทศบาลดูแลบำรุงรักษา พบพิรุธโดยมีอดีตผู้บริหารระดับจังหวัดรายหนึ่ง ลงนามจัดทำเอกสารบันทึกการรับมอบพัสดุเพียง 3 แผ่น เมื่อเดือน มิ.ย. 57 แต่เอกสารดังกล่าว ไม่มีการลงวันที่กำกับไว้ในเอกสาร
พบชื่อนายกเทศมนตรีในขณะนั้น ลงนามรับมอบโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบเขาช่องกระจกใช้งบ 30 ล้านบาท มีหัวหน้าสำนักงานจังหวัด สำนักงานโยธาธิการจังหวัดในขณะนั้นร่วมลงนามในฐานะพยาน แต่ไม่พบหลักฐานว่า เอกสารการรับมอบมีการเสนอผ่านระบบงานสารบรรณของหน่วยงานราชการ"
จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า ต่อมาหลังจากนายกเทศมนตรีรายดังกล่าว ถูก คสช. สั่งแขวนจากมาตรา 44 เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 58 รักษานายกฯ ได้เสนอญัตติเมื่อวันที่ 24 ก.ย.58 เพื่อให้สภาเทศบาลยกมือผ่าน 14 เสียง ก่อนที่ผู้บริหารระดับจังหวัดรายหนึ่ง จะเกษียณอายุราชการเพียง 6 วัน
ซึ่งในเอกสารการประชุมพบว่า นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน ได้ยกมือเห็นชอบในฐานะ ส.ท. ขณะนั้น ดังนั้นเพื่อความชัดเจน จึงควรแจ้งให้ฝ่ายกิจการสภา นำเอกสารประกอบญัตติมาแสดง ให้ประชาชนรับทราบว่า มีการรับมอบเสาไฟสับปะรดหรือไม่
นายสมรรถภณ อุดมศิลป์ อายุ 61 ปี แกนนำกลุ่มประจวบต้องดี เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า พบเสาไฟสับปะรดเอียง ฐานยึดไม่แข็งแรง เสาไฟอาจล้มทับประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จากนั้นตัวแทนภาคประชาชน ไปสอบถามปลัดเทศบาลเมืองประจวบฯ แต่ได้รับการปฏิเสธว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยให้ไปสอบถามนายกเทศมนตรี จากการสอบถามโยธาจังหวัดได้แจ้งว่า มอบเสาไฟให้เทศบาลแล้ว มีหลักฐานชัดเจน