5 มิถุนายน 2566 ที่สำนักงาน ทนายรัชพล ศิริสาคร อ.เมือง จ.นนทบุรี นายไหม วงศ์เวียงคำ อายุ 55 ปี เดินทางมาจาก สปป.ลาว เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ ทนายรัชพล กรณีเคยถูกจับยาเสพติด พร้อมยึดรถยนต์ยี่ห้อเชอรี่ มูลค่า 350,000 บาท เป็นของกลาง ระหว่างพิจารณาคดี ต้องอยู่ในคุก ไม่ได้ประกันตัว
ต่อมาศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง และให้คืนรถยนต์ คดีถึงที่สุด แต่เมื่อออกมาจากคุก จึงมาถามหารถยนต์คันดังกล่าว ที่สำนักงาน ป.ป.ส. กลับได้รับคำตอบว่า รถยนต์ขายทอดตลาดไปแล้ว ได้เงินมา 20,000 บาท นายไหม รู้สึกว่า ตนไม่ได้ทำผิด ทำไมต้องสูญเสียทรัพย์สิน และไม่มีใครรับผิดชอบ จึงมาร้องเรียนกับ ทนายรัชพล
นายไหม กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นไกด์พานักท่องเที่ยว ข้ามไปยังฝั่งลาว เมื่อปี 59 ถูก ป.ป.ส. จับกุมที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดหนองคาย พร้อมยึดรถยนต์ยี่ห้อเชอรี่ ทะเบียนกำแพงนคร ประเทศลาว ที่ตนซื้อมาในราคา 350,000 บาท และผ่อนหมดไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กล่าวหาว่า ตนมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง จำนวน 14 กิโลกรัม มีหลักฐานเป็นของกลาง อยู่ในกล่องขนาดใหญ่ ซึ่งส่งมาที่บ้านของตน ทั้ง ๆ ที่ตนไม่รู้เรื่อง ทำให้ถูกตำรวจ มาดักซุ่มจับกุม ขณะนำนักท่องเที่ยว จะข้ามฝั่งไปเที่ยวยัง สปป.ลาว
นายไหม กล่าวว่า หลังถูกจับกุมตัว ถูกนำตัวไปคุมขัง ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เป็นเวลาเกือบ 3 ปี จนคดีสิ้นสุด ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง และสั่งให้คืนรถยนต์ของกลาง แต่เมื่อตนเดินทางไปติดต่อขอรับรถยนต์ จาก ป.ป.ส. กลับได้รับการชี้แจงว่า รถยนต์ได้ทำการขายทอดตลาดไปแล้ว ในราคา 20,000 บาท เท่านั้น ตนรู้สึกรับไม่ได้ จึงไม่ขอรับเงินดังกล่าว เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม และมาร้องเรียนกับทนายรัชพล เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามในคดี
ด้าน ทนายรัชพล กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) เวลา 13.00 น ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เสียชื่อประเทศไทย รวมทั้ง ผู้เสียหายเอง ก็ไม่ได้รับการเยียวยา เท่าที่ควรจะได้
เพราะทั้งหมด เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งสิ้น การที่จะคืนเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับผู้เสียหาย ที่นำรถไปขายนั้น ตนมองว่า เป็นเพียงแค่เศษเงิน ที่เขาเยียวยามา ซึ่งไม่ถูกต้องและไม่มีความเป็นธรรม กับผู้เสียหายรายนี้เลย