กำลังเป็นกระแสมากๆ ฮิตจนติดเทรนด์ในหมู่วัยรุ่นจีน หลัง "จวีจิ้งอี" ดาราสาวชื่อดังชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย พร้อมกับโพสต์ภาพตัวเองในชุดนักเรียน ที่ปักชื่อตัวเองเป็นภาษาไทย ส่งผลให้ชุดนักเรียนไทยได้รับความนิยมอย่างมาก นำไปสู่ไวรัลของกลุ่มนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนใส่ชุดนักเรียนเดินเล่นย่านบางลำพู
เทรนด์นี้ หากย้อนกลับไปจะพบว่าน่าจะฮิตกันมาตลอด ด้วยว่าเคยมีกระแสจากซีรีส์ "แนนโน๊ะ Girl from Nowhere" หรือแม้แต่ซีรีส์ไทยอีกหลายเรื่อง เช่น สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก และอีกนับไม่ถ้วน ผู้มีอิทธิพลในจีนและเยาวชนจึงเริ่มแต่งชุดนักเรียนไทย กลับกันกับที่คนไทยเคยแต่งชุดนักเรียนญี่ปุ่น เกาหลีตามแฟชั่น
ขณะที่ทาง เว็บไซต์ allkpop ระบุว่า นี่เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ค่อนข้างเจ๋ง เพราะไม่บ่อยนัก ที่จะเห็นประเทศในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป๊อปในประเทศแถบเอเชียตะวันออก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความนิยมของวงการบันเทิงไทยในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี คาดว่าน่าจะขยายไปอีกไกลทีเดียว
ชุดนักเรียนไทยฮิตในหมู่วัยรุ่นจีน มีเหตุผลที่น่าสนใจเมื่อเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ CGTN ระบุว่า เด็กวัยรุ่นจีนส่วนใหญ่คิดว่าเครื่องแบบของพวกเขาน่าเกลียด อ้างอิงการการสำรวจออนไลน์โดย Weibo ชาวเน็ตถูกถามเกี่ยวกับความคิดเห็นเกี่ยวกับชุดนักเรียนจีน เกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจวิจารณ์เครื่องแบบว่าน่าเกลียด มีเพียง 10.3 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าเครื่องแบบดูดี
โดยเครื่องแบบจีนสมัยใหม่ได้รับการออกแบบในปี 1950 เป็นชุดวอร์มแบบ Unisex ที่มีแจ็กเก็ตมีซิป เสื้อยืดลำลอง และกางเกงวอร์มทรงหลวม ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุสังเคราะห์น้ำหนักเบา แต่ในอีกด้านหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่นักเรียนเกาหลีใต้แสดงความอิจฉาชุดนักเรียนของจีน
ชุดนักเรียนไทยตามที่กฎบัญญัติ แต่งเลียนแบบผิดไหม
คำถามที่เกิดขึ้นจากเทรนด์ฮิตใส่ชุดนักเรียนไทยนี้ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ผิดหรือไม่ หากไม่ได้เป็นนักเรียนจริงๆ เมื่อตรวจสอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วย เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าต้องแต่งกายแบบไหน ให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบนักเรียน หากไม่แต่ง ต้องเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และหากไม่แต่งชุดนักเรียน โดยไม่ได้รับข้อยกเว้น อาจได้รับโทษทางวินัย
นอกจากนี้ เครื่องแบบนักเรียน ยังถือเป็นมาตรฐานกลาง เพื่อประโยชน์ในการประหยัดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสร้างวินัยให้แก่นักเรียน รวมทั้งเป็นการคุ้มครองเพื่อมิให้บุคคลอื่นแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่สิทธิที่จะแต่ง ส่วนในมาตรา 7 ระบุว่าผู้ใดแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่มีสิทธิที่จะแต่งหรือแต่งกายเลียนแบบ เครื่องแบบนักเรียน ถ้าได้กระทําเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักเรียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ประเด็นร้อนๆ เช่นนี้ ทางด้านทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์เฟซบุ๊กถึง ข้อกฎหมายที่อาจจะมีความผิด หากซื้อชุดนักเรียนมาใส่ โดยที่ไม่ใช่นักเรียน
ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้โพสต์วิดีโออธิบาย ข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังชุดนักเรียนไว้อย่างน่าสนใจ ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทนายรัชพล ศิริสาคร Fanpage ใจความระบุว่า
"แต่งชุดนักเรียน โดยที่ไม่เป็นหรือไม่ใช่นักเรียน อาจจะมีความผิดได้ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตาม พ.ร.บ. เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ที่บอกว่า "ถ้าคุณไม่ใช่นักเรียน แล้วแต่งเครื่องแบบนักเรียน หรือแต่งกายเลียนแบบนักเรียน เพื่อให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นนักเรียน จะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท"
ทั้งนี้ ต้องดูตรงที่ปักเป็นสำคัญ หากคุณใส่เครื่องแบบชุดนักเรียนปักตัวอักษรย่อ แล้วไปตรงกับอักษรย่อของโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง กรณีแบบนี้อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย แต่หากปักชื่อของตนเองเฉยๆ อันนั้นไม่ผิด จึงอยากออกมาเตือน เพราะเห็นว่ากำลังเป็นกระแสนักท่องเที่ยวซื้อชุดมาใส่กัน ต้องระวังนิดนึง เพราะอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้
หากดูในโพสต์ ทนายคนดัง ทนายรัชพล ยังได้โพสต์ให้ความรู้แก่แฟนเพจในประเด็นไว้อย่างชัดเจน
พ.ร.บ. เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ในมาตรา 7 ระบุว่า
ผู้ใดแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่มีสิทธิที่จะแต่ง หรือแต่งกายเลียนแบบเครื่องแบบนักเรียน ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักเรียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ถ้าแต่งเครื่องแบบนักเรียน ปักอักษรย่อของโรงเรียนชัดเจน หรือแต่งตัวเลียนแบบให้เข้าใจว่าเป็นนักเรียน เข้าข่ายเป็นความผิดได้ครับ
ขอขอบคุณที่มา : เพจ ทนายรัชพล ศิริสาคร (ทนายรัชพล ศิริสาคร)
ชมคลิป >> ว่าด้วยกฎหมายชุดนักเรียนไทย