svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ตร.บางแก้ว ออกหมายจับ แก๊งเมียนมาโหด อุ้มฆ่า 2 คนไทย ทิ้งพงหญ้า

ตำรวจ สภ.บางแก้ว ออกหมายจับ แก๊งเมียนมาโหด อุ้มฆ่า 2 คนไทย ทิ้งพงหญ้า ผกก.ยืนยันไม่ได้ทำคดีล่าช้า น้อมรับการสอบทำหน้าที่

28 เมษายน 2566 ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมโหด มัดมือมัดเท้า นายพัณณ์พิสิฐ หรือทีม (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี และ นายมงคล หรือกัน (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ซึ่งหายออกจากบ้านพัก พื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนคนร้าย จะนำร่างผู้ตายทั้งสอง มาโยนทิ้งในป่าหญ้าข้างทาง ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เบื้องต้นตำรวจมุ่งประเด็น ความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องเงิน และเรื่องชู้สาว ส่วนคนร้ายที่เป็นชาวเมียนมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ตร.บางแก้ว ออกหมายจับ แก๊งเมียนมาโหด อุ้มฆ่า  2 คนไทย ทิ้งพงหญ้า

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างเร่งจับกุมตัว มาดำเนินตามกฎหมาย หลังตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้สืบสวนจนกระทั่งพบหนุ่มไทย 2 คน ที่ถูกอุ้มและเสียชีวิต และญาติได้ไปตรวจสอบชี้ศพว่า เป็นผู้ที่หายไปทั้ง 2 คนจริง 

ในส่วนการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้น ตอนนี้ตำรวจทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้ว และกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับในบ่ายวันนี้ (28 เม.ย.) 
 พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว
 

พ.ต.อ.มงคล กล่าวว่า เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย 9 คน และผู้ 2 คน ซึ่งพบว่า จากกล้องวงจรปิดว่า อยู่ในที่เกิดเหตุ และจะต้องร่วมกันรับผิดในคดีนี้ โดยตำรวจได้มีการตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย เจตนาฆ่า และมีการเคลื่อนย้ายศพเพื่อหลบเลี่ยงการกระทำผิด รวมถึงตั้งข้อหาเพิ่มเติมตามพยานหลักฐานที่พบทั้งหมด

จากการสอบสวนทราบว่า หลังจากเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปในวันรุ่งขึ้น แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีการหนีออกนอกประเทศไปหรือไม่ โดยเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว ได้มีการติดตาม และตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตั้งแต่จุดเกิดเหตุ ไปถึง จ.ปทุมธานี จนไปพบผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเมื่อวานนี้ ตอนนี้หลักฐานต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะครบสมบูรณ์ เหลือเพียงรอรายละเอียด การยืนยันตัวผู้เสียชีวิต จากนั้นจะเร่งดำเนินการ ออกหมายจับผู้กระทำความผิดทั้งหมดทันที
คนไทยที่เสียชีวิตทั้งสองราย  

พ.ต.อ.มงคล กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากผู้เสียหาย เรื่องการขนย้ายแรงงานต่างชาติ ทั้งภายในประเทศ และจากนอกประเทศนั้น มีหลักฐานชัดเจนว่า มีเพียงแค่ 4 คน ที่อยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนอีก 7 คน ที่เหลือ ยังไม่มีพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ตำรวจพบว่า ทั้ง 7 คนนั้น ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และพักอาศัยอยู่ที่หอพัก ใกล้กับบ้านที่ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ คาดว่า น่าจะมีความสนิทสนมกันพอสมควร

ในส่วนของความเกี่ยวข้อง กับคดีค้ามนุษย์นั้น ยังต้องหาพยานหลักฐานที่ชัดเจนก่อน จึงจะสรุปได้ว่า เกี่ยวข้องหรือไม่ ในส่วนของคนที่อยู่ที่ประเทศมาเลเซียนั้น ญาติของผู้เสียชีวิตทราบเพียงว่า เป็นนายทุนในการดำเนินการเคลื่อนย้ายแรงงาน 
พยานหลักฐานในบ้านที่เกิดเหตุ

พ.ต.อ.มงคล กล่าวว่า ส่วนการทำงานของผู้เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุ ที่อยู่บ้านเดียวกันนั้น ทั้งหมดย้ายเข้ามาพักบ้าน หลังที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเดือน มี.ค. แต่ก่อนหน้านี้ ไม่ทราบรายละเอียด ทราบเพียงว่า เริ่มทำงานด้วยเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนเส้นทางการเงินของผู้เสียชีวิต ทางตำรวจได้มีการขอข้อมูล จากทางธนาคารเรียบร้อยแล้ว หากรับข้อมูลจะทำการตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่า เงินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ น่าจะมากกว่า 100,000 บาท เนื่องจากมีการจดบันทึกลงในสมุดไว้ แต่ไม่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับธนาคารมาประกอบ ซึ่งอาจจะเป็นบัญชีส่วนตัวก็ได้ และยังไม่ทราบว่า มีการทำงานร่วมกันมานานแค่ไหน เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ
แผนผังข้อมูลทางคดี  

จากการสอบถาม ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงนั้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุอีก 7 คน ที่หลบหนีไปด้วยนั้น ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร ใกล้เคียงกับหอพัก และจุดเกิดเหตุในซอยกิ่งแก้ว 39 ซึ่งในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้มีการออกมาเล่นน้ำตามปกติ และจากการสอบถามทางร้านอาหาร ที่ผู้ก่อเหตุทำงานอยู่ เจ้าของร้านยืนยันว่า มีใบอนุญาตการทำงาน ของแรงงานต่างชาติอย่างถูกต้อง แต่ยังไม่ได้มีการนำหลักฐาน มายื่นต่อพนักงานสอบสวน

คดีนี้ค่อนข้างจะเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย แต่ผู้ก่อเหตุเป็นแรงงานชาวพม่า และแรงงานข้ามชาติอื่น ๆ ขณะนี้ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ส่วนปมเหตุของคดีดังกล่าว ต้องซักถามจากผู้ก่อเหตุเพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

- ตั้ง กก.สอบ ผกก.บางเเก้ว เซ่นคดีอุ้มฆ่า 

พ.ต.อ.มงคล ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกตั้งกรรมการสอบ ส่วน พ.ต.ท.ชาญวุฒิ เทียมมงคล รองผกก.สส.สภ.บางแก้ว ถูกย้ายเข้าไปที่ ศปก.ตร. ฐานปล่อยปะละเลย ให้มีขบวนการค้ามนุษย์ เเละรายงานเหตุการณ์ล่าช้าว่า ในส่วนการทำงาน ที่ถูกผู้บังคับบัญชาติงนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อการปรับปรุงการทำงาน

ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวผู้เสียหายเป็นพิเศษ โดยตั้งแต่มีการแจ้งเหตุนั้น ทางตำรวจได้แจ้งขั้นตอนการทำงานทราบโดยตลอด เพื่อให้เกิดความสบายใจว่า ทางตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของรายละเอียดแรงงานต่างชาติ ที่เกี่ยวข้องต้อง มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนว่า แต่ละคนนั้นเข้าออกประเทศจากทางใด
พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว

โดยเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 20 เม.ย. ไปถึงเช้าของวันที่ 21 เม.ย. ทางผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามาแจ้งความคนหาย ในวันที่ 22 เม.ย. ประมาณ 21.00 น. จากนั้นผู้เสียหาย ได้กลับไปรวมรวบข้อมูลเพิ่ม มายื่นแก่เจ้าพนักงานในวันที่ 23 เม.ย. และได้มีการโทรหาทาง ผกก.สภ.บางแก้ว ในวันที่ 24 เม.ย. เพื่อพูดคุยรายละเอียดต่าง ๆ ด้วยความร้อนใจ 

อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ลงพื้นที่หาข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด  ตั้งแต่สถานที่เกิดเหตุ ไปจนถึง จ.ปทุมธานี เนื่องจากคดีนี้ ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จังหวัดสมุทรปราการ และชุดสืบสวนภาค 1 เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ

ในส่วนของรถยนต์ ที่ใช้ในการกระทำความผิดนั้น เป็นรถมือสอง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ ไทป์แซด ที่นายสมชายได้ซื้อมาใช้งาน ในราคา 50,000 บาท และได้มีการขายรถคันดังกล่าว กลับคืนให้เจ้าของเดิมในราคา 20,000 บาท หลังจากก่อเหตุทันทีแล้วจึงหลบหนีไป
รถยนต์คันที่ใช้ในการก่อเหตุ