svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก

18 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ลุงแจ้" ยังงง "น้องต่อ" เป็นลูก รับมีสัมพันธ์นิ่มไม่ป้องกัน 2 ครั้ง วอนสังคมโฟกัสเรื่องตามหาเด็กหาย ยืนยันไม่เกี่ยวข้องการหายตัว เชื่อนายพุด กับแม่เด็กรู้ดีว่าหายไปไหน ขณะทีมสืบสวนพบพิรุธแม่เด็กเพียบ

18 กุมภาพันธ์ 2566 จากกรณี “น้องต่อ” เด็กชายวัย 8 เดือน ที่หายตัวอย่างปริศนา จากอ้อมอกของพ่อแม่ ในพื้นที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งกำลังจากหลายภาคส่วนลุยค้นหาต่อเนื่อง ถึงวันนี้เข้าสู่วันที่ 13 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก" รอง ผบ.ตร. ระบุถึงผลการตรวจดีเอ็นเอ พ่อที่แท้จริงของน้องต่อ คือ “ลุงแจ้” เพื่อนสนิทของพ่อ น.ส.นิ่ม ล่าสุดตำรวจได้นำ นายพุด และ น.ส.นิ่ม ไปเข้าเครื่องจับเท็จ ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ ลุงแจ้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อนางสาวนิ่ม ซึ่งเคยออกมายอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับน.ส.นิ่ม จริง ซึ่งลุงแจ้ บอกว่า ตกใจกับการที่ถูกระบุว่าเป็นพ่อเด็ก

ลุงแจ้ ยอมรับว่า มีความสัมพันธ์กับน.ส.นิ่ม แบบหลั่งข้างนอก แต่คงพลาด ซึ่งเรื่องนี้นายพุด น่าจะรู้มาตลอด เพราะเคยสงสัยและนิ่มก็บอกเรื่องความสัมพันธ์ตนเองกับนิ่มไปแล้ว ซึ่งอยากให้ตัดประเด็นนี้ ตอนนี้อยากเจอตัวเด็ก หากตนเป็นพ่อจริงก็ค่อยมาคุยกัน แต่ขอเจอตัวเด็กก่อน และไม่รู้ว่าน้องต่อหายไปไหน นิ่มก็ไม่เคยปริปากพูด ยืนยันว่าการหายตัวไปไม่เกี่ยวกับตนแน่นอน เพราะวันหายตัวไป ตนอยู่วัด มีกล้องวงจรปิดเห็นภาพและเวลาที่ระบุชัดเจน 

" ตอนนี้อยากขอให้ นิ่มและพุด ออกมาบอกได้แล้วเด็กอยู่ไหน เพราะทุกคนตามหาเด็ก เชื่อว่าเขาสองคนรู้ดีที่สุด"

เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก
ส่วนกรณีการเข้าเครื่องจับเท็จ ลุงแจ้ กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้นำไปเข้าเครื่องจับเท็จ เพราะตนพูดความจริงหมดแล้ว และตำรวจก็มาตรวจค้นบ้าน ทุกซอกมุม รวมทั้งบ้านญาติที่ต่างจังหวัดด้วย ก็ไม่เจออะไร เรื่องที่บอกว่าตนจะขโมยเด็กไปเพราะเป็นลูกแล้วเอามาเลี้ยงเอง ก็ตัดทิ้งไป แค่ทุกวันนี้ยังไม่มีจะกินต้องอาศัยวัด ลูกที่มีก็ลำบากหาเช้ากินค่ำ แล้วจะเอาน้องต่อมาเลี้ยงทำไม เพียงแต่เคยช่วยเหลือนิ่ม เพราะสนิทกับพ่อและก็มีความสัมพันธ์กันจริง 

“ขอร้องสังคมและตำรวจอย่ามาตามประเด็นตนเป็นพ่อน้องต่อ ขอให้ไปตาทหาตัวน้องต่อก่อนไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ”

ส่วนประวัติของนิ่ม พบว่าเคยทำงานที่ร้านอาหาร และพุดก็รับรู้ มาก่อน ทุกๆอย่างที่นิ่มทำ นายพุดรู้มาตลอดแม่กระทั่งเรื่องควาามสัมพันธ์ต่างๆ

  พ่อ-แม่ น้องต่อ เข้าเครื่องจับเท็จ  
ภายหลังจากที่ ตำรวจนำนายพุด และ น.ส.นิ่ม เข้าเครื่องจับเท็จที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี โดยใช้เวลาการเข้าเครื่องจับเท็จ 11 ชั่วโมง เเละสอบ นายพุด สอบ 5 ชม. น.ส.นิ่ม 6 ชม.  

ล่าสุดทีมข่าวสอบถามไปยัง ตำรวจชุดสืบสวน ให้ข้อมูลว่า ความคืบหน้าไปมาก การตรวจดีเอ็นเอ เพื่อกำหนดการสอบสวนให้เเคบลง รวมถึงการสันนิษฐาน สำหรับประเด็นแก๊งลักเด็ก ตำรวจยืนยันว่า ไม่มีประวัติในไทยนานแล้ว  จึงสามารถตัดประเด็นนี้ได้  ทำให้ตำรวจพุ่งข้อสงสัย ที่ตัวบุคลใกล้ชิดกับเด็กที่หายตัวไป ซึ่งคดีนี้ก็มีแค่ น.ส.นิ่ม แม่ของเด็ก ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่เห็นเด็กก่อนหายตัวไปออกจากบ้านพัก 

การนำพ่อแม่เด็กและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าเครื่องจับเท็จ แม้ผลการเข้าเครื่องจับเท็จจะไม่สามารถแสดงประกอบสำนวนคดีต่อศาลได้  แต่เป็นอีกหนึ่งกระบวนการในทางสอบสวน ตำรวจจะนำตัวบุคคลเข้าเครื่องจับเท็จ  และตั้งคำถามสอบสวนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา  

แต่แตกต่างตรงที่หากเข้าเครื่องจับเท็จ  หากกระทำความผิดจะออกอาการ  มีการเต้นหัวใจผิดปกติ การเกร็งที่กล้ามเนื้อร่างกาย  และความดันผิดปกติ  ซึ่งสามารถบ่งชี้ได้ว่ามีพิรุธจริงหรือไม่ในคดี  ถือเป็นการทำให้ครบกระบวนการสอบสวน

เปิดวงจรปิด พ่อแม่น้องต่อแจ้งลูกหายขัดแย้งไทม์ไลน์
จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พ่อแม่น้องต่อแจ้งเหตุลูกหายขี่จักรยานยนต์ มาแจ้งวันเกิดเหตุ 08.33 น. ขัดแย้งกับไทม์ไลน์ที่พ่อแม่เด็กเคยให้สัมภาษณ์ว่า ลูกหายประมาณ 07.00 น.

ทีมข่าวได้เบาะแสใหม่ในคดี โดยมีกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าป้อมจุดตรวจ ตำบลหินมูล สภ.บางหลวง  บันทึกภาพนาทีที่พ่อแม่เด็กขี่รถจักรยานยนต์มาสองคน จอดหน้าป้อมจุดตรวจ ซึ่งในภาพจะเห็นว่ามีตำรวจนายหนึ่งยืนอยู่

จากเหตุการณ์ตามภาพวงจรปิดเกิดขึ้นช่วง 08.33 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เด็กหาย โดยเป็นช่วงที่พ่อแม่ของน้องต่อมาแจ้งเหตุที่ป้อมตำรวจว่าน้องต่อหายตัวออกไปจากบ้าน แต่เวลาตามกล้องวงจรปิดทึ่ป้อมตำรวจ ขัดแย้งกับไทม์ไลน์ก่อนหน้านี้ที่พ่อแม่เด็กให้สัมภาษณ์ว่า ลูกหายออกจากบ้านพักช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. จากนั้นก็ออกไปแจ้งความที่ สภ.บางหลวง 
เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก
แต่หากดูตามเวลาที่ปรากฏในภาพวงจรปิดพบว่าพ่อแม่เด็กมาแจ้งเหตุที่ป้อมตำรวจในช่วงเวลา 08.33 น. ของวันเกิดเหตุ  และไม่ได้ไปที่สภ.บางหลวง แต่เดินทางกลับบ้าน ซึ่งระยะทางป้อมจุดตรวจห่างจากบ้านพักที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร 

ที่ผ่านมา พ่อแม่เด็ก ให้ข้อมูลสื่อว่า ไปแจ้งความที่สภ.บางหลวง แต่คนที่ไปแจ้งตร.สภ.บางเลน ในวันที่น้องต่อหายตัวไป คือ ตำรวจที่อยู่ในป้อม ส่วนพ่อแม่เด็กหายตัวไป จนพบว่าช่วงเวลา 10.00 น. พ่อแม่เด็กมารอตำรวจที่บ้าน 

โดยแม่เด็ก ได้ทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านและล้างขวดนมลูกทั้งหมด ซึ่งคนในครอบครัวให้ข้อมูลว่า พฤติกรรมของแม่เด็กปกติ ไม่ค่อยทำความสะอาดบ้านและไม่ล้างขวดนมลูกทันที จะใช้ขวดนมจนหมดก่อนจึงล้าง แต่ขณะที่ลูกหายไป แม่กลับมาล้างขวดนม ทำความสะอาดบ้าน โดยแม่ของเด็กอ้างว่า ตำรวจจะมาก็ต้องทำความสะอาดบ้าน 

เปิดภาพน้องต่อ บาดแผลปากช้ำ แม่ไม่สนใจเลี้ยงลูก
สำหรับน้องต่อนั้นอายุ 8 เดือน กำลังหัดคลานและเริ่มนั่ง ทีมข่าวได้ภาพถ่ายของน้อง ที่ไม่ใช่จากแม่เด็ก พบว่า ใบหน้าน้องต่อมีรอยช้ำ บวมแดงที่ปาก เนื้อตัวมอมแมม และใบหน้าก็มีรอยคบ้ายรอยเล็บ ส่วนภาพล่าสุด ก็มีใบหน้าคล้ายเป็นโรคผิวหนัง แต่แม่ของเด็กไม่เคยเปิดเผยภาพที่แท้จริง ภาพที่สื่อออกไปก่อนหน้านี้เป็นภาพที่ผ่านการตกแต่งจากแอปพลิเคชัน 

ก่อนเกิดเหตุพบว่า น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อ โกนหัวน้องต่อโดยไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร ซึ่งขณะที่โกนก็ทำให้ใบมีดโกนแฉลบกับศรีษะลูกจนเป็นแผลหลายที่ ก่อนจะมานอนหลับช่วงเย็นทำให้พบว่ามีคราบเลือดที่หมอนของน้องต่อ 

นอกจากนี้แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลว่า การตรวจหลักฐานในบ้าน พบคราบเลือดที่ท่อน้ำทิ้งหลังห้องน้ำและช่วงที่เจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณนี้ ก็มีบุคคลหนึ่งมีท่าทางพิรุธ พยายามจะนำย้ำมาราดที่ท่อและจะจับท่อให้เจ้าหน้าที่ แตกต่างจากจุดอื่นๆในบ้าน 
เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก
เปิดพฤติกรรมแม่เด็ก ไม่เคยออกตามหาลูก
ข้อมูลจากทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 พบว่าพฤติกรรมแม่เด็ก แต่ละวันออกไปอยู่กับชายคยสนิทหลังส่งสามีไปทำงาน และ ตั้งแต่เกิดเหตุลูกหาย ยังไม่เคยออกตามหาลูก อีกทั้งขอให้ตำรวจไปตามหาลูก เลิกสอบปากคำได้แล้ว

จากการตรวจสอบความสัมพันธ์ของ น.ส.นิ่ม และ นายพุด พบรักกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ น.ส.นิ่ม จะย้ายมาอยู่กับนายพุดที่บ้านเกิดเหตุ และอยู่ด้วยกันไม่นานก็ตั้งท้อง โดยทั้งสองคนมักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง และมีบางช่วงที่น.ส.นิ่มบอกกับนายพุดว่า หากไม่ติดว่าท้องจะเลิกไปนานแล้ว 

ทั้งนี้ ก่อนวันเกิดเหตุน้องต่อหายไป พบว่า ทั้งน.ส.นิ่มและนายพุด ทะเลาะกัน เรื่องเลี้ยงลูก ทำให้นายพุด โมโห ฉีกมุ้งที่นอนเสียหาย ซึ่งน.ส.นิ่ม ดุด่านายพุด แล้วนำมุ้งไปทิ้งขยะ ก่อนที่เช้ามาจะพบว่าลูกหายไป

ชีวิตในแต่ละวันของนิ่ม จากการสอบปากคำพบว่า จะตื่นสายกว่าทุกคนในบ้าน เมื่อตื่นมาก็จะนำลูกใส่เป้ ขี่รถจกรยานยนต์ไปส่งสามีทำงานที่โรงงาน จากนั้นก็จะขับรถพาลูกไปหาพ่อที่รับจ้างดูแลบ่อปลา และจะฝากลูกไว้กับพ่อ ก่อนออกไปกับชายคนสนิท โดยไม่มีใครรู้ว่าไปที่ใดบ้าง นอกจากนี้ในบางวันก็ไปรับแม่ที่ป่วยไปทำกายภาพบำบัด 

ส่วนในช่วงเย็นก็จะรับสามีกลับจากเลิกงานและกลับบ้าน ไม่สุงสิงกับคนในครอบครัวและชาวบ้าน จนกระทั่งลูกหายก็ถูกตำรวจนำไปสอบปากคำทุกวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เล่นเฟซบุ๊กและนอนหลับปกติ ไม่ได้ออกตามหาลูก มีเพียงชาวบ้านและอาสาสมัครที่คอยสอดส่องและตามหา
เปิดพิรุธ"น.ส.นิ่ม"หลังเข้าเครื่องจับเท็จ "ลุงแจ้"ยังงง"น้องต่อ"เป็นลูก

logoline