งามไส้! "บิ๊กโจ๊ก" เผยผลตรวจ DNA "น้องต่อ" เป็นลูกนายเเจ้ไม่ใช่นายพุด

17 กุมภาพันธ์ 2566 ความคืบหน้าการค้นหา “น้องต่อ” เด็กชายวัย 8 เดือน ที่หายตัวอย่างปริศนา จากอ้อมอกของพ่อแม่ ในพื้นที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังจากหลายภาคส่วน ลุยค้นหาต่อเนื่อง ถึงวันนี้เข้าสู่วันที่ 12 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก" รอง ผบ.ตร. ระบุ พ่อแม่เด็กเท่านั้น ที่รู้เรื่องทั้งหมด โดยทางตำรวจภูธรภาค 7 ก็ลงพื้นที่ติดตามการทำงาน และเร่งรัดผู้เกี่ยวข้องให้ดำเนินการติดตามเด็กที่หายไป โดยเชื่อมั่นว่า เด็กยังมีชีวิตอยู่ โดยวันนี้ (17 ก.พ.) ตำรวจได้นำ นายพุด และ น.ส.นิ่ม พ่อและแม่ของ "น้องต่อ" รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องไปเข้าเครื่องจับเท็จ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• ตำรวจนำตัวพ่อแม่ "น้องต่อ" ไปสอบเครียดพร้อมเข้าเครื่องจับเท็จ
• 11 วันยังไร้เงา "น้องต่อ" พบผู้ต้องสงสัยสติไม่ดี ชาวบ้านไม่เชื่อเป็นคนทำ
• “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อพ่อแม่รู้ "น้องต่อ" วัย 8 เดือน หายไปไหน มั่นใจไขคดีได้ 

ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ถึงผลตรวจดีเอ็นเอของ “น้องต่อ” โดยยืนยันว่า ผลตรวจดีเอ็นเอระหว่าง “น้องต่อ” กับ “ลุงแจ้” ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทพ่อ น.ส.นิ่ม นั้นตรงกัน หมายความว่า ทั้งคู่เป็นพ่อลูกที่แท้จริง ไม่ใช่นายพุด ซึ่งวันนี้ตำรวจได้นำ "ลุงแจ้" มาเข้ามาเข้าเครื่องจับเท็จ ที่กองพิสูจน์หลักฐาน 1 ด้วย และทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
 
 

โดยภายหลังได้รับการเปิดเผยในประเด็นดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่ นายเเจ้ ที่ถูกระบุว่า ดีเอ็นเอตรงกับ "น้องต่อ" เเต่นายเเจ้ไม่รับสาย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ "นายเเจ้" อายุ 55 ปี เป็นเพื่อนของพ่อ "นส.นิ่ม" แม่ของ "น้องต่อ" ซึ่งทั้งค่เคยมีความสัมพันธ์เกินเลยกัน เนื่องจากเวลามีสัมพันธ์กันเเล้ว "นายเเจ้" ก็จะให้เงินกับ "น.ส.นิ่ม" ทั้งนี้ "นายเเจ้" มีความสัมพันธ์กับ "น.ส.นิ่ม" ก่อนที่ "น.ส.นิ่ม" จะมาอยู่กินกับ "นายพุด" จากนั้นก็ตั้งท้อง

เเต่ก่อนหน้านี้ "นายเเจ้" ยืนยันว่า ไม่ใช่พ่อของ "น้องต่อ" เเละป้องกันทุกครั้งที่มีสัมพันธ์กัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องถึงกับตรวจดีเอ็นเอ เพราะหลายคนที่เห็นเด็กมีความสงสัย เพราะหน้าของเด็กละม้ายคล้ายหน้า "นายเเจ้" 


ซึ่งประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่ชุดสืบสวน สันนิษฐานไว้ก่อนที่ผลดีเอ็นเอจะออกมาว่า "นายเเจ้" น่าจะรู้ว่า "น้องต่อ" เป็นลูกของตัวเอง เเละอาจเป็นไปได้ที่ "นายเเจ้" จะมาขโมยลูกไป เเต่เมื่อไปดูความเป็นอยู่ "นายเเจ้" อาศัยอยู่ที่วัด เเถมยังมีหลานที่ต้องเลี้ยงดูอีก 2 คน ทำให้ตำรวจไม่เเน่ใจว่า ถ้าหากมาขโมยเด็กไปเลี้ยง ก็จะเป็นภาระ เพราะทุกวันนี้ยังต้องนำมาม่า ปลากระป๋อง อาหารจากทางวัดไปเลี้ยงดูหลาน

เเต่ก็มีการสันนิษฐานว่า หรือเมื่อ "นายเเจ้" จะนำ "น้องต่อ" ไปให้ญาติพี่น้องเลี้ยง เมื่อไปตรวจสอบก็ไม่พบว่า "นายเเจ้" มีญาติพี่น้องในละเเวกนั้น ทำให้เรื่องนี้ทางตำรวจต้องรอผลสอบปากคำของ "นายเเจ้" ว่า ที่พูดมาทั้งหมดเป็นจริงหรือไม่