ตร.เร่งคลี่คลายคดี "น้องต่อ" หายตัวปริศนา เตรียมใช้เครื่องจับเท็จพ่อแม่

จากกรณี "น้องต่อ" เด็กชายวัย 8 เดือน หายตัวปริศนา ตั้งแต่เช้าวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ นางสาวนิ่ม แม่ของ "น้องต่อ" ให้การว่า คาดว่ามีคนอุ้ม "น้องต่อ" ลูกชายไปเป็นชายใส่เสื้อสีเหลือง คดีนี้ผ่านมา 10 วัน ยังไม่มีหลักฐานหรือความคืบหน้าคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ใจจะขาด! พ่อวัย 19 โพสต์ตามหาลูกวัย 8 เดือน ถูกอุ้มล่องหนทั้งที่หลับคาอก
• จนท. ปูพรมค้นหา "น้องต่อ" วัย 8 เดือน หลังหายจากอ้อมอกพ่อแม่ 8 วัน แต่ไร้วี่แวว
• "บิ๊กโจ๊ก" ลุยสางคดี "น้องต่อ" วัย 8 เดือนหายตัว เล็งใช้เครื่องจับเท็จพ่อแม่
   

 

ขณะที่วันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 7 ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน ในบ้านที่เกิดเหตุ ไล่เรียงตั้งแต่ ห้องนอน หมอนของ "น้องต่อ" พบว่า มีคราบเลือดขนาดเท่านิ้วโป้ง และเป็นเลือดที่ซึมลงในหมอน ไม่ใช่แค่เพียงปลอกหมอน 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำเครื่อง "ลูมินอล" ตรวจหาคราบเลือด และสารแปลกปลอม โดยเป็นลักษณะฉายแสงไปที่ห้องนอน พบว่า บริเวณจุดที่ "น้องต่อ" นอน และผ้าห่ม พบว่า มีแสงสะท้อนสีเขียว แสดงว่า จุดนี้อาจจะมีคราบเลือด หรือ สารคัดหลั่งบางอย่าง จึงนำไปตรวจสอบสารเคมีด้วยเครื่องลูมินอล ซึ่งหลักฐานนี้ จะช่วยคัดกรองในเบื้องต้นว่า น่าจะเป็น
เลือด หรือไม่ 

โดยเครื่องลูมินอล จะไปจับกับธาตุเหล็กจากรอยเลือด และเกิดปฏิกิริยาการเรืองแสง แต่ยังไม่สามารถยืนยันว่า เป็นคราบเลือดของน้องต่อหรือไม่ ต้องรอผลตรวจยืนยันอีกครั้ง

ขณะที่เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.66) นายพุด และ นางสาวนิ่ม พ่อแม่ "น้องต่อ" ถูกตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 และชุดเฉพาะกิจ ที่ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งให้ลงพื้นที่ตรวจสอบปากคำพ่อและแม่กว่า 10 ชั่วโมง โดยทั้งสองคนมีอาการเครียด และร้องไห้ 


 
ในวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการประชุมร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ถึงความคืบหน้าคดี "น้องต่อ" เบื้องต้นจากคำการของพ่อและแม่ของน้องต่อ ยังพบพิรุธ ขัดแย้งกับสิ่งที่ พฐ.ได้มีการตรวจพบ คือ คราบเลือดที่ตรวจพบไปก่อนหน้านี้ เพราะจำนวนคราบเลือด ที่พบนั้นค่อนข้างเยอะ ขัดแย้งจากคำให้การของ พ่อแม่ ที่ระบุว่า เป็น
คราบเลือดที่มาจากน้องต่อปากแตก 

โดยชุดสืบสวน และ พฐ. ก็ต้องมีการตรวจสอบว่า คราบเลือดดังกล่าวนั้นเป็นของใคร ตลอดจนจะต้องมีการไล่ไทม์ไลน์ การใช้โทรศัพท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึง มีการตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิดภายในพื้นที่บางเลน เพราะขอบเขตและพื้นที่เองไม่ได้กว้างจนเกินไป 

แม่น้องต่อ ยืนยันไม่ได้มาตรกรรม ไม่โยนทิ้งน้ำ-ไม่ได้โบกปูนยัดถัง 


 
ขณะที่เช้าวันนี้ (14 ก.พ.66) ชุดสืบสวนลงพื้นที่ บ้านคลองท่อ ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม นายพุด เเละ นางสาวนิ่ม พ่อแม่ "น้องต่อ" ยืนยันย้ำกับผู้สื่อข่าว ว่า พร้อมเข้าเครื่องจับเท็จโดยในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.66) เจ้าหน้าที่จะนำตัวทั้ง 2 คน เข้าเครื่องจับเท็จ
 
โดยนางสาวนิ่ม ได้พาผู้สื่อข่าว ไปยังบริเวณจุดที่นอนกับลูกชาย พร้อมสาธิต ลักษณะการนอนในวันเกิดเหตุ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มาตกรรม ไม่โยนทิ้งน้ำ  ไม่ได้โบกปูนยัดถัง ตามที่
ถูกกระแสโจมตี และที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายลูก นอกจากการตีสั่งสอนในบางครั้ง เพื่อให้รู้สึกว่า สิ่งไหนทำได้ หรือไม่ได้ 

"ตอนนี้กระแสสังคมโจมตีตนมาก ซึ่งตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ลูกเราหายทั้งคน เราก็เสียใจ เรามีความรักให้ลูกเราอยู่แล้ว แต่บอกไม่ได้ว่า รักมากแค่ไหนทุกอย่างอยู่ในใจ แต่ยืนยันได้
ว่าเราไม่ทำร้ายลูก ลูกโดนลักพาตัว" 



เค้นสอบ พ่อเเม่ "น้องต่อ" เก็บ DNA คนต้องสงสัย 
 

ส่วนความเคลื่อนไหว ที่สภ.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม มีการระดมประชุมตำรวจชุดสืบสวนเป็นการด่วน หลังได้รับคำสั่งจาก รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำโดย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยะกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม  ที่ลงมาวางแผนงาน ติดตามเร่งรัดคดีการหายตัวไป 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้น้ำหนัก 2 ประเด็น คือ คนรู้จักนำตัว "น้องต่อ" ไป และ อีกประเด็น คือ เด็กเสียชีวิตแล้วหรือไม่ และเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะเข้าไปรื้อบ่อพักห้องน้ำ ที่อยู่บริเวณบ้าน "น้องต่อ" แต่ก็ตัดสินใจ ล้มภารกิจ เพราะที่ผ่านมาเคยทุบห้องสุขา และ ดูดส้วมบริเวณคอห่านไปแล้ว ส่วนประเด็นพบลักษณะคล้ายเลือดบริเวณท่อพีวีซี หน้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว พบว่า ไม่ใช่เลือด



จากนั้น ช่วง 12.30 น. ชุดสืบสวนภาค 7 กระจายกำลังกันหาเบาะแสเพิ่มเติมบริเวณบ้าน "น้องต่อ"  ซึ่งมีพ่อของนายพุด รวมถึงละแวกบ้านเพื่อนบ้าน ที่เคยให้การว่า พบคนใส่เสื้อสีเหลือง วิ่งเข้าไปในซอยข้างบ้าน ที่เชื่อมกับป่ารกร้างด้านหลังบ้านชาวบ้าน

นอกจากนี้ ตำรวจนำตัว นายพุด ผู้เป็นพ่อ มาสอบคำ ที่ สภ.บางหลวง นานกว่า 5 ชั่วโมง พร้อมตรวจดีเอ็นเอ  เช่นเดียวกับ นายเเจ้ (แฟนเก่า)  ที่เรียกมาสอบปากคำเพิ่ม พร้อมกับตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงนายกล้า อายุ 16 ปี เเฟนเก่าของ นางสาวนิ่ม แม่ของน้องต่อ ที่คบกันตั้งเเต่อายุ 14 ปี มาสอบปากคำ เเละตรวจดีเอ็นเอ เช่นกัน  ทำให้เวลานี้เรียกมาตรวจ ดีเอ็นเอ เเล้ว
รวม 4 คน ประกอบด้วย

• นายพุด อายุ 19 ปี พ่อเด็ก 
• น.ส.นิ่ม อายุ 17 ปี เเม่เด็ก
• นายเเจ้ อายุ 55 ปี  เเฟนเก่า 
• นายกล้า อายุ 16 ปี เเฟนเก่า
   

พบเงินเข้าบัญชี เเม่เด็ก 15,000 บาท ตร.เร่งหาที่มาของเงิน

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบตรวจสอบบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ถึงการโอนเงิน เพื่อเชื่อมโยง หากมีการซื้อขายเด็ก พบว่า นางสาวนิ่ม มีการโอนเงินแต่ไม่พบความผิดปกติ เเต่สอบไปสอบมา ยังพบว่า มีโทรศัพท์อีกเครื่อง ที่มีบัญชีธนาคาร อีกหนึ่งแห่ง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินมีเงินเข้าจำนวน 15,000 บาท เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบว่าเงินมาจาก
ไหน มีความเชื่อมโยงกับคดีนี้หรือไม่ โดยมีการโอนต่อไปยังคนในครอบครัว 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาตัว นางสาวนิ่ม มาที่ สภ.บางหลวง เเละ เปิดโอกาสให้ นางสาวนิ่ม กับพ่อ เเท้ๆ ได้พูดคุยกัน ประมาณ 10 นาที เนื่องจากก่อนหน้านี้ พ่ออยู่คนละอำเภอ ทั้ง 2 คนอยู่คนละอำเภอ ใน จ.นครปฐม โดยนางสาวนิ่ม มีความเครียดกว่าทุกวัน 

จากนั้น พ่อของนางสาวนิ่ม ออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินไปพบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้สื่อข่าวก็พยายามสอบถาม ว่าพูดคุยอะไรกับลูกสาวบ้าง หรือ กล่อมลูก ให้พูดความจริงอย่างไร พ่อ บอกว่า ยังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากนัก วอนสื่ออย่าเพิ่งสอบถาม ก่อนจะปิดประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว

แม่ "น้องต่อ ยัน ไม่ได้ฆาตกรรมลูก 

ส่วน นางสาวนิ่ม เปิดเผยหลังจากที่ได้คุยกับพ่อ ว่า พ่อพยายามเกลี่ยกล่อมให้พูดความจริง เเต่ ตน ก็ยืนยันว่าได้พูดความจริงไปเเล้ว การสอบปากคำของตำรวจวันนี้ ก็คำถามเดิมๆ ซึ่ง ตนก็ยืนยันว่าลูกถูกลักพาตัว ตำรวจก็คาดคั้นว่า ทำไมไม่พูดความจริง อยากใหัสังคมเข้าใจ ว่าไม่มีการขายลูก ไม่ได้ทำร้ายลูกตาย ไม่ได้จับโยนทิ้งน้ำ หรือนำไปโบกปูน เเละ พร้อมที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ 

"ตราบใดที่ยังไม่พบศพลูกชาย ตนก็มีความหวังว่า ลูกยังมีชีวิตอยู่ แต่ความมั่นใจในวันนี้ยอมรับว่า น้อยลงเพราะเวลาผ่านไป 10 วันแล้ว ส่วนตัวมองว่า คงมีคนนำลูกไปเลี้ยงดูอยู่อย่างดีในตอนนี้" นางสาวนิ่ม กล่าว

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม เกี่ยวกับเงิน 15,000 บาท นางสาวนิ่ม บอกว่า เป็นเงินค่าคลอดบุตร โอนมาตอนที่น้องต่ออายุได้ 4 เดือน ยืนยันว่า ทุกอย่างมีที่มาที่ไป 
 

ญาติ เชื่อ “น้องต่อ”ไม่ได้ถูกลักพาตัว

ขณะที่ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปตามหา คนที่นางสาวนิ่ม โอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งเป็นญาติของนายพุด ได้เล่าว่า กำลังเก็บผักอยู่ในทุ่งนา ตำรวจ ก็เข้าไปเพื่อตรวจสอบบัญชี ตนชี้เเจงว่า เงินไม่เกี่ยวข้องกันเลย เป็นเงินที่ตน ยืมคนอื่นมา เเละตนก็เชื่อว่าการที่ น้องต่อ หลานของตน หายตัวไปใช่การลักพาตัว ตอนนี้ก็ไม่มั่นใจว่าหลานมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งตอนนี้คนในบ้าน ก็เริ่มไม่สบายใจ เเละอยากให้ความจริงปรากฎ  
  
ขณะเดียวกัน พ่อของนายพุด ซึ่งมีอาการป่วยอยู่  ก็อยากให้เเม่เด็กพูดความจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องต่อ เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย เเละยังไม่เชื่อว่า เด็กจะถูกลถกพาตัว เพราะอยู่ที่นี่มาไม่เคยมีขโมย คนเข้าออกในชุมชนหมู่บ้าน ใครไปใครมาเห็นหมด 


 

ตร.สงสัย ทิ้งเด็กโยนทิ้งเเม่น้ำท่าจีน

ส่วนแนวทางการสืบสวนคดีนี้ แหล่งข่าว ให้ข้อมูลว่า คืบหน้าไปมาก เเต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ พยานหลักฐานอื่นๆ ยังไม่พบเพิ่มเติม รวมทั้งไม่พบน้องต่อ ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ ส่วนกรณีชายเสื้อเหลือง  มีการสอบสวนและตัดประเด็นทิ้ง เพราะไม่เกี่ยวข้อง 

ส่วนพื้นที่การค้นหา โดยบ้านที่เกิดเหตุมีขนาดเล็ก เชื่อมต่อกับบ้านญาติ หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายเครื่องดื่มเล็กๆ ตำรวจตรวจค้นทุกจุดแล้ว ส่วนรอบๆหมู่บ้านมีพื้นที่ป่า ชาวบ้าน อาสาสมัครและตำรวจเดินเท้าสำรวจอย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบหลักฐาน

ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกต ว่า ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร มีคลอง และเชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ ประสานรถแบคโฮ ลอกคลองเพื่อหาหลักฐาน แต่ก็ไม่พบ ทำให้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า หากมีการนำเด็กไปโยนทิ้งแม่น้ำท่าจีน เป็นไปได้หรือไม่ และที่สำคัญในคลอง ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน มีตัวเงินตัวทองจำนวนมาก อาจจะกัดแถะเด็กไปแล้วก็เป็นได้ 

โดยในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.66) พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 จะเดินทางลงพื้นที่ สภ.บางหลวง จ.นครปฐม เพื่อประชุมเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าของคดี