svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

ตร. บุกค้น บ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง ขณะที่ เฮียหมู ยัน มีหลักฐานโอนเงิน ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ พร้อมเปิดหลักฐาน จดหมายส่งถึงหลานขอความช่วยเหลือ ด้าน ผู้การฯ ฉะเชิงเทรา เผย คดีเกิดปี 63 จึงต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มาพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง

จากกรณีเฮียหมู (นามสมมติ) อายุ 67 ปี เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อม พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมโชว์ร่องรอยบาดแผลเป็นตามแขนและขา ระบุว่า เกิดจากลูกชายและลูกสะใภ้ รวมถึงพ่อและแม่ฝั่งของสะใภ้ ทุบตีทำร้ายร่างกาย อีกทั้งให้กินยาสลบหมูเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี พร้อมยังกักขังไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ก่อนโอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้าน นั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

13 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิช ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและการทำคดี ด้วยตนเอง โดยนำกำลัง พร้อมด้วยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน บุกเข้าตรวจค้นบ้าน พ่อตาและแม่ยาย ซึ่งเปิดเป็นบริษัทขายวัสดุก่อสร้าง และขายน้ำดื่ม  

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

พล.ต.ต.นเรวิช กล่าวว่า เนื่องจากคดี เกิดมาตั้งแต่ปี 2563 ดังนั้นการทำคดีจะต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มาพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในคำให้การที่ เฮียหมู มาแจ้งความดำเนินคดี ลูกชาย ลูกสะใภ้ และครอบครัวลูกสะใภ้ รวม 6 คน 

สำหรับกรณีที่ ภรรยาของเฮียหมูเสียชีวิต อาจจะเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่นั้น ก็จะใช้นิติวิทยาศาสตร์ และการแพทย์เข้าพิสูจน์ทราบ แต่เบื้องต้น การเสียชีวิตของภรรยาเฮียหมู เมื่อปี 2563 พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนผลการชันสูตรพลิกศพไว้แล้ว โดยมีผลการตรวจพิสูจน์จากทางแพทย์ไว้โดยละเอียด ตำรวจจะแกะรอยจากผลดังกล่าว

และเท่าที่ตรวจสอบผล พบว่า มีสิ่งตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตำรวจสงสัย ก็จะต้องไปทำการตรวจพิสูจน์โดยนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนสารตกค้างจะใช้ยาตามที่ เฮียหมู กล่าวอ้างหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้จะต้องให้แพทย์ยืนยัน แต่ทราบว่าเป็นสารที่เกี่ยวกับยารักษาโรคซึมเศร้า และคาเฟอีน
 
ส่วนหลักฐานการโอนเงิน พล.ต.ต.นเรวิช ยืนยันว่า มีหลักฐานอยู่ในสำนวน เพราะนอกจากเฮียหมู จะดำเนินคดีทางอาญาแล้ว เฮียหมู ยังดำเนินคดีทางแพ่งคู่ขนานไปด้วย โดยจะต้องสอบพยานแวดล้อมเพื่อชี้ให้เห็นมูลเหตุจูงใจ

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

โดยในวันนี้ เฮียหมู ก็มาให้การกับตำรวจอีกครั้ง ก่อนที่จะไปร่วมชี้จุดในการตรวจค้นประกอบคำให้การ เฮียหมู บอกว่า ขอย้ำอีกครั้งว่า ตนมีหลักฐานเรื่องการโอนเงินทั้งหมด ส่วนหลักฐานเรื่องการวางยา ให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งตนจำทุกจุดที่ถูกกระทำได้ 

นอกจากนี้ เฮียหมู ยังได้ฝากบอกถึงลูกชาย ให้กลับมารับผิดในสิ่งที่กระทำไว้ และยังฝากไปถึง ครอบครัวของสะใภ้ ให้สำนึกผิดได้แล้ว ทำกับผมอย่างงี้ได้ยังไง คุณไม่เห็นเหรอผม เป็นคนไม่ใช่เป็นสัตว์ คุณเลี้ยงผมยิ่งกว่าสัตว์อีก และเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ผมสาบานให้ตายก็ได้ ผมไม่กลัวตายแล้ว


ตร.เข้าค้นหาหลักฐาน คดีเฮียหมู


สำหรับเป้าหมายการเข้าตรวจค้น เพื่อหาพยานหลักฐานมาประกอบคำให้การ จะมีทั้งหมด 3 จุดหลัก ซึ่งบ้านที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ตั้งแต่ ปี 2563-2565 มีทั้งหมด 3 หลัง

หลังแรก คือบ้าน ในพื้นที่ ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา หลังนี้เป็นบ้านของเฮียหมู ที่ทำธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า บ้านหลังนี้อาศัยกันอยู่หลักๆ 4 คน คือ เฮียหมู ภรรยา ลูกชายและลูกสะใภ้  

ความสำคัญที่จะต้องเข้าค้นบ้านหลังนี้ คือ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง โดยเฉพาะที่ถูกระบุว่า เริ่มถูกวางยาและอาการเฮียหมูและภรรยา เปลี่ยนไป ลิ้นแข็ง น้ำลายฟูมปาก รวมถึงต้องไปตรวจสอบพวกทรัพย์สินภายในบ้านที่ถูกนำออกไปด้วย 

ส่วนบ้านหลังที่ 2 เป็นบ้านของพ่อตาแม่ยายลูกสะใภ้ อยู่ใน ต.บางแก้ว  อ.เมืองฉะเชิงเทรา บ้านหลังนี้ อยู่กันทั้งหมด 8 คน มี พ่อตา แม่ยาย ลูกสะใภ้ ลูกชาย น้องลูกสะใภ้ (2 คน) เฮียหมู และภรรยาเฮียหมู

โดยบ้านหลังนี้ มีความสำคัญมากในการเก็บพยานหลักฐานเพื่อนำมาประกอบคำให้การ เพราะเป็นบ้านที่เฮียหมู ให้การว่า ทั้งถูกกักขัง โดยลูกสะใภ้ใช้ไม้ทุบตีเป็นแผล โดนพ่อตาแม่ยาย น้องของลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้ จับกรอกยา วางยาในข้าวให้กิน และให้อยู่อย่างอดๆยากๆ ถูกทรมานมานานเกือบ 2 ปี และที่สำคัญ เป็นเหตุให้ ภรรยาเฮียหมูเสียชีวิตที่
บ้านหลังนี้ด้วย ตำรวจจึงเน้นให้ความสำคัญที่บ้านหลังนี้

ส่วนบ้านหลังที่ 3 เป็นบ้านลูกชาย เฮียหมู ซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเฮียหมู อยู่บ้านหลังนี้แค่ 2 เดือน ตอนนั้น มีผู้อาศัยรวมกันหลักๆ 3 คน คือ ลูกชาย ลูกสะใภ้และเฮียหมู โดยบ้านหลังนี้ ไม่ได้ถูกวางยา เฮียหมู เริ่มมีอาการดีขึ้น เริ่มมีแรงเดินได้ และออกมาเดินแบบจำกัดบริเวณ จนไปเจอกับไปรษณีย์ และขอความช่วยเหลือจากหลานสาวทั้งหมดตำรวจจึงต้องเข้าไปตรวจสอบเป็นหลักฐาน

โดยวันนี้ (13 ก.พ.2566) หลังจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา อนุมัติหมายค้น ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ก็นำกำลัง พร้อมหมายค้นของเข้าไปขอตรวจค้นบ้านของลูกสะใภ้ ใน ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ทันที

จ้างชาย 3 คน เฝ้าบ้าน  

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

แต่เมื่อไปถึงปรากฎว่า บุคคลที่เคยอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น พ่อตาแม่ยาย น้องของลูกสะใภ้ ไม่มีใครอยู่ที่บ้านหลังนี้เลย และหน้าบ้านติดป้ายข้อความไว้บริเวณประตูรั้ว ว่า ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกและนักข่าวเข้ามาบริเวณรั้วบ้าน พบเพียง คนที่ถูกจ้างให้มาดูแลบ้าน เป็นผู้ชาย 3 คน ที่เพิ่งถูกว่าจ้างให้มาดูแลบ้าน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 

โดย 1 ในชาย 3 คน ที่ถูกจ้างมาดูแลบ้าน มีการถ่ายคลิประหว่างพูดคุยกับตำรวจตลอดเวลา ซึ่งตำรวจบอกให้ไปตามคนดูแลบ้านมา  สักพักก็มี ผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่า เป็นคนดูแลบ้าน ใส่หมวกปิดหน้าออกมาพบ ตำรวจจึงอ่านหมายค้นให้ฟัง ก่อนจะนำกำลังเข้าตรวจค้น  
 
สำหรับ ชาย 3 คน ที่ถูกจ้างมาให้เฝ้าบ้าน เป็นคนขับวินมอไซค์ บอกว่า มีชาย หญิง จ้างให้มาเฝ้าบ้าน โดยไม่ให้ใครเข้าบ้าน ให้ค่าจ้างคนละ 2000 ตั้งแต่ 9 โมง-16.00น. ตนไม่ทราบไม่รู้จักว่า เป็นใคร เขาบอกให้มาบ้านหลังนี้ พอมาถึงก็มีคนดูแลบ้านอยู่ เปิดประตูให้ ก็เข้าไปนั่งเฝ้า แล้วก็คอยถ่ายรูปส่งไปรายงานคนที่จ้าง ซึ่งตนเองไม่รู้เรื่องราวที่เคยเกิด
ขึ้น

ภาพเฮียหมู (นามสมมติ) ขณะเข้าชี้จุดประกอบคำให้การ

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พร้อมกับพาเฮียหมู เข้าไปชี้จุดต่างๆประกอบคำให้การด้วย ทั้งห้อง เฮียหมู เคยถูกขัง ห้องที่แยกภรรยาออกไปห้องน้ำที่เคยใช้ ซึ่งตำรวจสักถามประเด็นต่างๆ เช่น จุดนี้สีผังห้องเหมือนเดิมหรือไม่ เฮียหมู ก็ยืนยันสีนี้สีเดิม ถามถึงสภาพห้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ในการเก็บพยานหลักฐาน

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิช ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา บอกว่า จากการตรวจสอบเป็นไปตามข้อกล่าวอ้าง ตามคำให้การของเฮียหมู ส่วนสิ่งของและหลักฐานที่เก็บมาได้ถือเป็นหลักฐานทางคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยสภาพห้องคงสภาพเดิมเกือบทั้งหมด มีการเอาของเข้ามาบางส่วน

ส่วนจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน มาให้ปากคำหรือไม่นั้น เบื้องต้นจะต้องออกหมายเรียกได้อยู่แล้ว แต่จะรวบรวมหลักฐาน ว่าจะไปได้ไกลกว่าการออกหมายเรียกหรือไม่ และตำรวจทราบข้อมูลของ ลูกชาย ลูกสะใภ้ และพ่อตาแม่ยาทั้งหมด อยู่ระหว่างการติดตาม 

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

โดยหลังจากที่ เฮียหมู ได้ชี้จุดประกอบคำให้การ ก็เดินทางกลับ โดยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวสั้นๆว่า ตนเองจำได้หมด ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก ห้องขังยังอยู่เหมือนเดิม มีแค่เอาเหล็กดัดออก สีผนังห้องยังเหมือนเดิม วันนี้ก็สบายใจขึ้น และ อยากฝากบอกลูกชายอีกครั้งว่า ให้กลับตัวมาหาตน 


สำรวจรอบบ้าน พบต่อเติมท้ายบ้าน เป็นห้องกักขัง

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวเดินสำรวจรอบๆ ปรากฎว่า พอไปซอยข้างๆบ้านที่เป็นทางหินคลุกเข้าไป ก็ไปเจอกำแพง อยู่ช่วงโซนท้ายๆของพื้นที่บ้าน ที่มีลักษณะการต่อเติมออกไปเพิ่มเติม จากเดิมเป็นกำแพงอิฐบล็อก และเป็นกำแพงสูง มองเข้าไป จะสังเกตุเห็น ห้องสีขาวๆ 2 ห้องติดกัน  ซึ่งก็คือ ห้องที่ถูกกักขัง  

เปิดสลิปโอนเงิน จากบัญชีเฮียหมู ไปยังลูกชาย

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

ส่วนประเด็นเรื่องการโอนเงิน ผู้สื่อข่าวไปได้เอกสารสลิปการโอนเงินบางส่วนมา ซึ่งพบว่า มีการโอนเงินตั้งแต่ 30 ต.ค. 2563 ถึง 31 ต.ค. 2563 รวมทั้งหมด 14 รายการโอนเงินโดยโอนจากบัญชี ชื่อของ เฮียหมู เข้าบัญชีของลูกชาย ยอดโอนครั้งละ 5 แสนบาท 14 รายการ รวมมูลค่า 7 ล้านบาท ซึ่งหลักฐานนี้เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งการโอนเงินดังกล่าว
เป็นการทำธุรกรรม โดยลูกชาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ลูกชายได้ขอศาลเป็นผู้จัดการมรดก 


เปิดจดหมาย เฮียหมู ขอความช่วยเหลือจากหลาน

ตร.บุกค้นบ้านสะใภ้ ไขคดี "เฮียหมู" ถูกวางยา-กักขัง เจ้าตัว ขอลูกชายกลับมารับผิดชอบ

ส่วนอีกหลักฐานหนึ่ง คือจดหมายที่เขียนขอความช่วยเหลือ ซึ่งถูกเขียนด้วยลายมือของ เฮียหมู มีการระบุว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่ไหน ในจดหมาย ระบุที่อยู่ คือ บ้านหลังที่ 3 ก็คือ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และเอ่ยชื่อให้ หลานสาวให้มาช่วย และในจดหมายระบุว่า ถ้าจะมาช่วยให้มาหลัง 9 โมง และก่อน 5 โมงเย็น เพราะลูกชายกับลูกสะใภ้ไปทำงาน
   
และในจดหมาย ยังระบุอีกว่า  ผม ก็คือเฮียหมู  ถูกจับแยกกับเมีย ถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจมาเป็นปีแล้ว แล้วก็ระบายความรู้สึกไปในจดหมาย และเล่ารายละเอียดว่าใครทำอะไรบ้าง ซึ่งความยาวของจดหมาย มีประมาณ 6-7 หน้า