ทร.ยังหวังมีปาฏิหาริย์ เดินหน้าปูพรมค้นหา 5 กำลังพล "ร.ล.สุโขทัย" อีก 8 เกาะ

3 มกราคม 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึง ปฏิบัติการค้นหากำลัง "เรือหลวงสุโขทัย" ที่ยังสูญหายจากเหตุอับปาง โดยยืนยันว่า กองทัพเรือยังไม่หยุดการค้นหากำลังพลที่สูญหาย และไม่ลดกำลังพล โดยได้มีการส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเรือยาง ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เข้าค้นหาในพื้นที่ตามเกาะแก่งต่าง ๆ และพื้นที่ที่คาดว่า จะพบร่างของกำลังพล ทั้งใน จ.ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• “บริษัทอู่ตะเภาฯ” มอบเงินช่วยเหลือ ครอบครัว 23 กำลังพล “เรือหลวงสุโขทัย”
• ยังไม่พบเพิ่มกำลังพล "ร.ล.สุโขทัย" พรุ่งนี้ปูพรมดำน้ำหาเพิ่ม 8 เกาะ
• ผบ.ทร. เตรียมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 23 วีรชน "เรือหลวงสุโขทัย"
• ทร. ปูพรมค้นหาอีก 5 กำลังพล “เรือหลวงสุโขทัย” ต่อเนื่อง

พลเรือเอก เชิงชาย กล่าวว่า ส่วนการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว  2 คณะ โดยจะตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร และต้องมีการสอบสวนกำลังพลที่รอดชีวิต รวมถึงบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรือขนส่งสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน ที่เข้ามาช่วยเหลือว่า เข้ามาช่วยได้อย่างไร และใช้เวลาเท่าใด โดยไม่ได้เร่งรัดหรือกำหนดระยะเวลาในการสอบสวน เพราะจะต้องดูแนวทางและปริมาณของงาน เพื่อสามารถชี้แจงให้กับประชาชนได้ นอกจากนี้ยังได้รายงานถึงความคืบหน้าการสอบสวน ให้กับนายกรัฐมนตรี รับทราบเป็นระยะ ๆ

ขณะที่การสอบสวน ก็จะต้องมีผู้รับผิดต่อผลที่กระทำ โดยมีเจ้ากรมจเรทหารเรือ เป็นผู้รักษาระเบียบของกองทัพเรือ  และกำหนดแนวทางการแก้ปัญหา หรือบทเรียนที่จะต้องแก้ไข เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เนื่องจากมีระเบียบข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมว่า ด้วยความรับผิดทางละเมิด ในกรณีที่ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย หรือสรรพาวุธได้รับความเสียหาย ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางละเมิด ซึ่งจะรายงานให้กับกองทัพไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการคลังว่า มีทรัพย์สินทางราชการสูญเสีย 

เบื้องต้นทราบว่า ภายในเรือหลวงสุโขทัย มีสรรพาวุธบางส่วนที่จมอยู่กับเรือ ไม่ว่าจะเป็น ลูกปืนและวัตถุระเบิด ก็ต้องประเมินมูลค่าทรัพย์สินว่า เป็นจำนวนเท่าใด พร้อมยืนยันว่า จะต้องมีผู้รับผิดทางละเมิดและชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผลการสอบสวนข้อเท็จจริงนี้ จะส่งต่อให้ 2 คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาต่อไป

 

ส่วนการกู้เรือหลวงสุโขทัยนั้น ผบ.ทร. กล่าวว่า พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มีการประชุมพร้อมกับสำรวจใต้น้ำ ในบริเวณที่เรือจม ประกอบกับมีการวางแผนในการกู้เรือขึ้นมา ทั้งนี้ต้องดูวิธี เทคนิคที่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่ชำนาญการในเรื่องการกู้เรือ ตามความชำนาญ โดยจะเสนอหนทางที่ดีที่สุด เพื่อไปพิจารณากับงบประมาณในการใช้จ่าย ส่วนที่มีการเปิดเผยถึงการซ่อมเรือช่วงปี 2561-2563 มีปัญหานั้น ผบ.ทร. บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวน ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ 
 

ส่วนกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดถึงความเชื่อมโยงเรือหลวงสุโขทัย ไปกับเครื่องยนต์เรือดำน้ำว่า เป็นเครื่องยนต์จีนรุ่นเดียวกันนั้น ผบ.ทร. ยืนยันว่า ไม่ใช่เครื่องเดียวกับจีน เพียงแต่เป็นเครื่องที่มีตราอักษร MTU เหมือนกัน อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด พร้อมยอมรับว่าเครื่องยนต์ของกองทัพเรือ 80% ใช้เครื่อง MTU ซึ่งมีหลายรุ่นและหลายเวอร์ชั่น จึงอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

ผบ.ทร. ยังกล่าวอีกว่า การนำเสนอข้อมูลที่ใช้คำว่า เขาว่า หรือพูดปากต่อปาก ไม่ใช่สิ่งที่ทางราชการจะสามารถนำเสนอได้ตามอำเภอใจ เพราะผลสอบสวนจะต้องพิจารณาจากพยานที่เกิดเหตุ พยานวัตถุ มาประกอบการนำเสนอ และถ้าถามใครตอนนี้ ก็พูดกันปากต่อปาก ขณะเดียวกัน ตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับ ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัยในเรื่องนี้ด้วย

ทร. ปูพรมค้นหา 5 กำลังพลอีก 8 เกาะสุดท้าย   

ด้าน พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือยังคงค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 5 นาย โดยเฉพาะตามแนวชายฝั่ง มีทั้งชุดค้นหาใต้น้ำ ชุดค้นหาผิวน้ำ และชุดค้นหาบนเกาะ โดยได้ปูพรมค้นหาตามเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.ชุมพร รวมถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งมีเกาะทั้งหมด 32 เกาะ ปัจจุบันสำรวจไปแล้ว 24 เกาะ เหลืออีก 8 เกาะ ที่ยังไม่ได้สำรวจ ซึ่งจะเข้าสำรวจวันนี้ ประกอบด้วย เกาะคางเสือ เกาะรังห้า เกาะมะพร้าว เกาะยอ เกาะขี้นก เกาะรางบรรทัด เกาะคราม และเกาะพิทักษ์ ซึ่งหากเป็นไปตามแผน ก็จะสำรวจครบทุกเกาะของ จ.ชุมพร ในวันนี้

ขณะที่กำลังของ ศรชล.ภาค 1 ยังคงวางกำลังในพื้นที่ค้นหา ตั้งแต่ท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร มุ่งเน้นการสำรวจตามชายหาด และโดยรอบเกาะต่าง ๆ

สรุปผลการปฏิบัติจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการพบผู้สูญหายทั้ง 5 นาย เพิ่มเติม และรอผลพิสูจน์เอกลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 1 นาย