เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 โพสต์คลิปอุบัติเหตุ พร้อมข้อความว่า "ช่วยดูคลิปอุบัติเหตุนี้หน่อย ใครผิด...ขอคำแนะนำอยากขอปรึกษาหน่อยครับ เรื่องลูกถูกรถชนครับ เรื่องมีอยู่ว่าลูกสาว 2 คน คนเล็ก เรียน ม.1 คนโตเรียน ม.5 เลิกเรียนจะกลับบ้าน ขี่ จยย. ออกจากทางแยก เขามาทางตรงชนรถลูกสาวผม ดูคลิปแล้วเขาว่าลูกสาวผมผิด ลูกสาวผมสาหัสทั้งสองคน อย่างนี้จะเรียกร้องอะไรได้บ้างไหมครับ"
3 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านห้วยยางศรีวิไล ต.ดงเมืองแอม อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ไปพบกับ นายบุญรวม (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี และนางวิษา (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี พ่อกับแม่ของนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน
นายบุญรวม เล่าว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน ขี่ จยย. ชนกับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ขณะกำลังกลับจากโรงเรียน บริเวณสามแยกบ้านนาค้อ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ลูกสาวคนโตได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา แพทย์ทำการรักษาผ่าตัดดามเหล็กให้ ยังไม่สามารถเดินและช่วยเหลือตัวเองได้
ส่วนลูกสาวคนเล็ก กรามหัก ยังไม่สามารถขยับกรามได้ แม่ต้องคอยบดอาหารให้รับประทาน วันเกิดเหตุลูกสาวคนเล็ก สลบไม่ได้สติ และแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจ จนรู้สึกตัวกลับคืนมา จากนั้นก็ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ เป็นเวลา 8 วัน
ได้ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุกับตำรวจ จนทราบว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุที่สามแยกบ้านนาค้อ โดยลูกสาวขี่ จยย. ออกมาจากในซอย ขณะนั้นมีรถเก๋งสีขาว วิ่งมาจากทางบ้านคำนางปุ่ม มุ่งหน้าออกไปทางถนนมิตรภาพ ชนลูกสาวทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนขับทราบว่า เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เขาสวนกวาง ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวพร้อมภรรยา แสดงความรับผิดชอบว่าจะจ่ายเงินให้ครอบครัว 50,000บาท แต่ยังไม่ให้ มอบเพียงค่าน้ำมันให้ 3,000 บาท
ขณะเดียวกันหลังจากลูกสาวออกจากรพ. คนขับรถเก๋งก็โทรมาแจ้งว่า ขอลดค่าทำขวัญเหลือ 30,000 บาท เพราะทะเลาะกับภรรยา จึงไม่มีเงินมาจ่ายให้ และถ้าไม่อยากยุ่งอยาก ก็ขอให้รับเงินจำนวนดังกล่าวด้วย
นายบุญรวม กล่าวอีกว่า ตอนนี้ครอบครัวลำบาก เพราะตนกับภรรยาไม่สามารถออกไปรับจ้างได้ เนื่องจากต้องคอยดูแลลูกที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ส่วนค่ารักษาพยาบาลลูกสาวนั้น ใช้เงินจาก พ.ร.บ.ของรถจักรยานยนต์ และใช้บัตรทอง โดยลูกสาวคนโตรักษาไป 68,000บาท คนเล็ก 70,000 บาท แต่หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังต้องพาลูกไปพบแพทย์ตามหมอนัด ซึ่งยังต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาอีก จึงอยากให้คู่กรณี มีมนุษยธรรมกับครอบครัว ช่วยเยียวยาบ้าง
พนักงานสอบสวนแจ้งว่า เรื่องการเยียวยาคู่กรณีต้องคุยกันเอง จึงปรึกษากับภรรยาว่า ถ้าปล่อยไปนาน ปัญหาก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำใจยอมรับเงิน 30,000 บาท จากคู่กรณี แต่จนถึงขณะนี้คู่กรณี ก็ยังไม่เอาเงินมาให้ อยากให้คู่กรณีแสดงความรับผิดชอบโดยเร็ว เพราะครอบครัวกำลังแย่ ไม่มีรายได้ แล้วยังต้องพาลูกไปหาหมออีก
ข่าว : พรพรรณ เพ็ชรแสน / ศูนย์อีสาน