3 พฤศจิกายน 2565 เมื่อเวลา 09.30 น. ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย น.ส.รัตนาภรณ์ สงวนนามสกุล อายุ 42 ปี วิศวกรสาว ผู้เสียหายถูกโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านบางใหญ่ มั่วประวัติการรักษา ทั้งที่ไม่เคยแอดมิทจริง แถมเอาไปเบิกประกันสังคม จนเจ้าตัวป่วยจริง แล้วเบิกเคลมสินไหมประกันไม่ได้ มายื่นเรื่องร้องเรียนแก่ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ "วิศวกรสาว" แฉแหลกถูก รพ.ดัง กุเรื่องสร้างประวัติเท็จ เบิกเงินประกันสังคม
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวว่า เนื่องจากตนทำประกันภัยบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง และประกันบอกล้างสัญญา เพราะตรวจพบเจอเอกสารว่า มีประวัติไปรักษาก่อนจะมาทำประกัน เมื่อสอบถามเรื่องเอกสารพบว่า มาจากโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งปรากฏข้อมูลว่า รักษาเกี่ยวกับนารีเวช โดยไม่ได้รับการรักษาจริง ทำให้เสียสิทธิ์เพราะประกันไม่จ่ายเงินตามสัญญา ที่ตนทำประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง พอยื่นเอาสิทธิ์ประกันก็บอกล้าง หรือเลิกสัญญาอ้างว่า มีประวัติการรักษามาก่อน มีเอกสารฉบับหนึ่งลงวันที่ 21 มิ.ย. 61 ว่า ไปรักษาด้วยอาการประจำเดือนมาใช้ผ้าอนามัยมากกว่าปกติ และได้ให้เลือดไป 6 ถุง
ยืนยันว่า ไม่ได้เข้ารับการรักษาแน่นอน ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับโรคพวกนี้มาก่อน และวันดังกล่าว ก็ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล แต่เคยไปแอดมิทที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ด้วยอาการท้องเสีย เมื่อวันที่ 18 -19 พ.ค. 61 และนอนที่โรงพยาบาลจริงแค่ 1 คืน แต่ตรวจประวัติกลับพบว่า โรงพยาบาลทำประวัตินอนแอดมิท 4 คืน ซึ่งไม่ทราบเหตุผล รวมถึงการนอนโรงพยาบาลครั้งนั้น ใช้สิทธิ์ประกันสังคมกับประกันสุขภาพ
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าว พบชื่อแพทย์หญิงรายหนึ่ง จึงหาทางติดต่อถามรายละเอียด ทางโทรศัพท์ทราบว่า แพทย์รายนี้อยู่ที่ จ.อุบลราชธานี แต่ไม่แน่ใจเรื่องไทม์ไลน์ แต่ยืนยันว่า ตั้งแต่รักษามาไม่เคยให้เลือดใครมากถึง 6 ถุง โดยแพทย์รายนี้คาดว่า ช่วงวันที่ 21 มิ.ย. 61 อาจจะยังมีชื่ออยู่ที่โรงพยาบาล ที่มาประจำอยู่ช่วงสั้น ๆ แต่ช่วงดังกล่าวตัวไม่ได้อยู่แล้ว เพราะช่วงปลายเดือน มิ.ย. ได้ลาเพื่อไปเรียนต่อ
ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ กล่าวว่า สบส. มีหน้าที่กำกับดูแลสถานพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน เบื้องต้นได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชน ซึ่งกลุ่มได้ให้ทีมงานเข้าไปตรวจสอบความจริง และสถานพยาบาลดังกล่าวพบว่า มีประเด็นที่จะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม จึงปรึกษาให้ผู้ร้อง มายื่นคำร้องอย่างเป็นทางการกับ สบส. โดยในเนื้อหาสาระวันเวลา การดูแลผู้ป่วยต้องดูว่าทำจริงหรือไม่ หากพิสูจน์ได้ว่า เป็นการทำเอกสารเท็จ ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ จากนั้น ผู้เสียหายและทนายความ ได้เข้าให้ข้อมูลรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ข่าว : สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ จ.นนทบุรี