
เป็นเรื่องราวที่่น่าสะเทือนใจ กรณีที่วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ จ.ลพบุรี ที่วัดบ้านข่อยเหนือ อ.เมือง นางมาลี พงษ์จีน ได้ไปรับ กระดูกลูกสาว หรือ น.ส.ธัญญลักษณ์ พงษ์จีน หรือ น้องแอร์ ลูกสาวที่หายตัวไปกว่า 8 ปี มาเจออีกทีกลายเป็นกระดูก โดยแม่และครอบครัวได้กระดูกจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มูลนิธิกระจกเงา หลังได้ไปพบกระดูกน้องแอร์ บริเวณริมแม่น้ำ ใน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนน้องแอร์ และประชาชนที่มีความเมตตาสงสารต่อครอบครัวน้องแอร์มาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นทางญาติได้นำกระดูกของ น้องแอร์ ประกอบพิธีรดน้ำศพ ซึ่งผู้เป็นแม่ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ตลอด
นางมาลี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ทุกข์ใจมาตลอดตั้งแต่ลูกสาวหายออกไปจากบ้าน วันที่ลูกหายไปบอกแม่ว่า จะไปซื้อนมให้ลูก จากนั้นลูกส่งข้อความมาหาน้องสาว ว่า “ขอโทษ ฝากดูแลแม่และลูกด้วยนะ” จากนั้นติดต่อไม่ได้เลย ตัวเองตามหามาทุกวิถีทาง ซึ่งในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่เขาหายไป เรามีความหวังว่าเขาจะกลับบ้านมาตลอด จนมาถูกพบเป็นศพ เหลือแต่กระดูก ถูกฆาตกรรม จึงอยากถามไปถึงจิตใจคนที่ทำกับลูกสาว ทำไมถึงโหดร้ายขนาดนี้ พร้อมฝากไปถึงตำรวจให้จับคนที่ทำร้ายลูกสาวให้ได้เร็ว
ด้าน นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า กรณีการเสียชีวิตของน้องแอร์ เกิดจากช่วงที่สาวโรงงานคนหนึ่งชื่อว่า น้องหลิว ซึ่งเป็นคนหายที่ทางมูลนิธิติดตาม จนพบว่า เป็นศพนิรนาม และถูกฆาตกรรมเสียชีวิตที่ จ.สระแก้ว ตอนนั้นมีการเปิดเผยข้อมูล น้องหลิวครั้งแรก คือวันที่ 14 ก.พ. 64 โดยครอบครัวของน้องแอร์ ติดตามข่าว จึงสงสัยว่าน้องแอร์ จะเป็นกรณีเดียวกันกับน้องหลิวหรือไม่ เพราะน้องแอร์หายออกจากบ้านไป ในระยะเวลาใกล้เคียงน้องหลิว จึงแจ้งเรื่องมาที่มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งน้องแอร์หายตัวไปพร้อมรถจักรยานยนต์ และทองคำมูลค่า 5 บาท
ครั้งแรกที่ไปแจ้งความ เป็นการแจ้งความเรื่องรถหาย เพราะคิดว่าลูกสาวอยู่บ้านเพื่อน วันหนึ่งอาจจะกลับบ้าน หรือไปทำงานที่อื่น หลังจากมูลนิธิรับแจ้งเหตุ จึงให้คำแนะนำและตรวจสอบข้อมูลในระบบ ทั้งเรื่องทะเบียนราษฎร์ ประกันสังคม และอาจจะไปติดคุกในเรือนจำหรือไม่ รวมทั้งการเดินทางออกนอกประเทศ แต่จากการตรวจสอบข้อมูล ไม่พบประวัติข้อมูลของน้องแอร์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเป็นช่วงที่โควิดระบาด ทำให้การตามหาต้องหยุดชะงักไป มาปีนี้จึงมีการติดตามเคสต่าง ๆ ต่อ
ซึ่งเคสน้องแอร์ เป็นหนึ่งในเคสที่มูลนิธิสงสัยว่า อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จึงเริ่มกระบวนการในการเก็บดีเอ็นเอ โดยการประสานกับพนักงานสอบสวน ในพื้นที่เพื่อนำดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบ กระทั่งผ่านไป 2 เดือน ก็พบว่า น้องแอร์คือหญิงที่ถูกฆาตกรรมตั้งแต่ปี 2557 หรือ หลังจากที่น้องแอร์ หายออกจากบ้านไปประมาณ 10 วัน
ทั้งนี้ นางมาลี แม่ของน้องแอร์เปิดใจว่า ไม่คิดว่าลูกจะเสียชีวิตเร็ว หลังออกจากบ้านไปได้เพียง 10 วัน ก็ถูกเสียชีวิต แต่ทางครอบครัว ไม่มีใครรู้จนหลานติดต่อมูนิธิกระจกเงา จึงทราบว่า ลูกสาวเสียชีวิตแล้ว โดยครอบครัวตนเองมีลูกสองคน เป็นลูกชายหนึ่งคน และคนตายเป็นลูกสาว ซึ่งลูกสาวก็ได้มีครอบครัวแล้ว มีลูกหนึ่งคน แต่ได้เลิกรากับสามี ก่อนหายตัวไปได้ออกจากบ้าน โดยบอกไปซื้อนมให้ลูก ที่ตอนนั้นเพิ่งอายุได้ 8 - 9 เดือน
ด้าน น.ส.ฌัฌชา นุ่มสำลี ลูกพี่ลูกน้องกับน้องแอร์ เล่าว่า ก่อนที่น้องแอร์ได้ออกจากบ้านไป พร้อมได้นำสร้อยคอทองคำของพ่อ และรถอีก 1 จักรยานยนต์อีก 1 คัน ไป พร้อมกับได้สั่งเสียว่า ให้ฝากดูแลลูกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทางครอบครัวของน้องแอร์ทราบข่าว ตอนนั้นก็มีอาการรู้สึกโกรธ อาจจะเป็นไปได้ที่น้องแอร์เข้าบ้านไม่ได้ เนื่องจากทางคุณพ่อได้โกรธที่เอาทองคำไป ซึ่งทองคำนั้นหนัก 5 บาท ได้จากการขายข้าวได้ อาจจะทำให้น้องแอร์ไม่กล้ากลับบ้าน
และอีกอย่างหนึ่งซึ่งเห็นว่า น้องแอร์นั้นได้มีแฟนใหม่ แฟนใหม่น่าจะเป็นคนมีภรรยาอยู่แล้ว และมารับมาส่งเป็นประจำขับรถยนต์กระบะสีส้ม ๆ แต่จำรูปพรรณสัณฐานไม่ได้เพราะ เพราะผู้ชายมาจอดรถไกล ๆ ไม่กล้าเข้าบ้าน ตนเองก็ไม่กล้าที่จะไปวุ่นวายกับเขา จากนั้นก็ไม่ทราบสาเหตุ หลังจากที่ออกจากบ้านไป