ความคืบหน้าคดีที่ นายมานพ เสถียรเขตต์ อายุ 49 ปี ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูกมือปืนบุกเดี่ยว ขี่ จยย. สวมหมวกกันน็อก ยิงขณะนั่งอยู่ภายในปั๊มน้ำมันของตัวเองจนเสียชีวิต ที่ขณะนี้ตำรวจชุดคลี่คลายคดี สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้สองรายคือ นายปิติ นิชรัตน์ อายุ 54 ปี (มือปืน) และนายนิติพนธ์ หรือแบน ฉ่ำชื่น อายุ 57 ปี เพื่อนร่วมทีม ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบชนวนเหตุการลงมือ รวมถึงขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลัง หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนคุมตัวฝากขังศาลอาญา (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายปิติ นิชรัตน์ มือปืนผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ปั๊มน้ำมัน ช.อำนวยทรัพย์ปิโตเลี่ยม ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง ตลอดเวลา โดยมีบรรดาญาติพี่น้อง และประชาชน มาเฝ้ารอดูการทำแผนกว่า 200 คน เมื่อรถตู้ที่นำผู้ต้องหามาจอด ใกล้จุดเกิดเหตุ ที่ใช้อาวุธปืนยิงนายมานพ ตำรวจขอให้บรรดาญาติสนิทถอยห่างและเข้าไปอยู่ภายในห้องกระจก มีกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยคอมมานโด และชุดสายสืบ ตำรวจกองปราบปรามหลายสิบนาย ป้องกันการบุกเข้าทำร้าย
เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ไม่นำตัวผู้ต้องหาลงจากรถตู้ แต่ขับออกไปจากปั๊มโดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาขอชี้จุดบนรถ จากนั้นญาติที่ต่างเฝ้ารอเห็นหน้ามือปืนได้ตะโกนด่า และขว้างปาสิ่งของใส่ตามรถตู้ด้วยความโกรธแค้น
ต่อมาตำรวจได้พา นายปิติ มือปืนผู้ต้องหา นั่งรถตู้คันเดิมไปยังจุดทิ้งรถ ในที่ดินรกร้างริมคลองกระพุน ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย ห่างจากจุดเกิดเหตุ 4 กม. โดยไม่นำตัวผู้ต้องหาลงจากรถตู้ แม้กระทั่งจุดที่ผู้ต้องหาขึ้นรถที่มาจอดรอรับ ก็ไม่นำลงมาโดยให้ชี้จุดที่บนรถตู้ ก่อนจะเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่สุดแปลกประหลาด เพราะไม่มีใครได้ยลโฉมหน้าคนร้าย ไม่เห็นแม้แต่เงา และไม่มีใครให้สัมภาษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมค้นบ้านผู้ต้องสงสัยรวม 6 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ จ.ระยอง 5 จุด และ กทม. 1 จุด ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้เพิ่มเติมอีก 1 ราย และตรวจพบอาวุธปืน กระสุนปืน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อง ประกอบด้วย
1. อาวุธปืน ขนาด .38 / .45 และ ปืนลูกซอง รวม 4 กระบอก
2. กระสุนปืนขนาด .38 / ขนาด 38 super และขนาด .45 จำนวน 48 นัด
3. สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารการเงิน
4. เครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด จำนวน 1 เครื่อง
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคือ นายกำธร หรือ ตุ้ม กำกัดวงษ์ อายุ 39 ปี โดยกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ไดรับอนุญาต” จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป